อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ย้ำ น้ำบาดาลโซดาที่เจาะพบบริเวณบ้านทุ่งคูณ อำเภอห้วยกระเจา จังหวัดกาญจนบุรี สามารถดื่มได้แต่ต้องผ่านกระบวนการกรองน้ำให้สะอาดก่อน โดยมีคุณสมบัติเป็นน้ำแร่คุณภาพดีเทียบเท่าต่างประเทศ
นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กล่าวว่า หลังจากกรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้ขุดเจาะน้ำบาดาลความลึก 303 เมตร พบน้ำบาดาลโซดาพุ 2 บ่อ และน้ำบาดาล 1 บ่อครั้งแรกของประเทศ ซึ่งน้ำพุโซดาธรรมชาติมีความสูงของประมาณ 3 เมตร โดยได้ปริมาณน้ำ 30 - 50 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง บริเวณบ้านทุ่งคูณ ตำบลห้วยกระเจา อำเภอห้วยกระเจา จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ใช้เป็นน้ำอุปโภค-บริโภคและน้ำเพื่อการเกษตร จากการส่งเข้าตรวจสอบในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ตรวจสอบและวิเคราะห์คุณภาพน้ำด้วยการเก็บตัวอย่างน้ำถึง 3 ครั้ง พบน้ำบาดาลดังกล่าวสามารถดื่มได้จริงไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ไม่มีสารปนเปื้อน และไม่มีสารพิษปะปนในน้ำ สิ่งสำคัญวิจัยพบแร่ธาตุที่อยู่ในน้ำแร่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับน้ำแร่ในประเทศไทยและต่างประเทศ ทั้งไบคาร์บอเนตสูงถึง 2 เท่า , ฟลูออไรด์ใกล้เคียงต่างประเทศ และธาตุเหล็กตามปกติในธรรมชาติสามารถลดปริมาณลงได้ผ่านกระบวนการกรองน้ำ ทั้งนี้ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล จะเข้าไปบริหารจัดการบ่อน้ำบาดาลให้เกิดการใช้ประโยชน์สูงสุดและไม่เกินศักยภาพการผลิต ด้วยการสำรวจแหล่งน้ำดังกล่าวแล้วจัดทำแนวเขตแหล่งน้ำใต้ดินเพื่อประกาศเป็นเขตควบคุม โดยใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติน้ำบาดาล พ.ศ.2520 ใช้ควบคุมพื้นที่บริเวณนี้ให้ใช้น้ำอย่างคุ้มค่าที่สุด เพราะเป็นแหล่งน้ำที่มีแร่ธาตุสูงและคุณภาพดี
ด้าน นายเกรียงศักดิ์ ภิระไร ผู้อำนวยการสำนักสำรวจและประเมินศักยภาพน้ำบาดาล กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กล่าวว่า ภาพรวมบ่อน้ำบาดาลที่เป็นน้ำพุ 2 บ่อ ได้น้ำบาดาลเฉลี่ยบ่อละ 1,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน หากรวมน้ำบาดาลทั้ง 3 บ่อจะได้น้ำทั้งปีกว่า 500,000 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งจากการทดสอบระดับน้ำช่วง 3 วันพบระดับน้ำคงที่ไม่ลดลงสามารถใช้ประโยชน์ได้ครอบคลุม ส่วนการขุดเจาะน้ำบาดาลตามแผนอีก 3 บ่อที่เหลือคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 14 วัน คาดการณ์จะได้ปริมาณน้ำเฉลี่ยทั้งหมด 6 บ่อทั้งปีกว่า 1 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนในพื้นที่มีน้ำกินน้ำใช้และเพื่อเกษตรกรรมได้ตลอดทั้งปี โดยน้ำที่จะนำไปใช้เพาะปลูกพืชชนิดต่างๆต้องนำไปผ่านกระบวนการกรองก่อนเช่นกันเพื่อดึงค่าสนิมเหล็กออก