องค์การเภสัชกรรม (จีพีโอ) ร่วมมือกับบริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด จัดเก็บ บรรจุ และกระจาย วัคซีนโควิด-19 ล็อตแรก ของประเทศไทย กระจายให้โรงพยาบาลตามแผนการฉีด ภายใต้ระบบคุณภาพมาตรฐานที่ดี ประชาชนกลุ่มเป้าหมายเข้าถึงวัคซีนอย่างปลอดภัย
19 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 13.00 น. ที่ห้องประชุม 1 ชั้น 4 อาคารอำนวยการ องค์การเภสัชกรรม นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการจัดเก็บ จัดบรรจุ และกระจายวัคซีนโควิด-19 ระหว่างองค์การเภสัชกรรม โดย นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม และบริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด โดย นาย จอห์น แคลร์ รองประธานฝ่ายบริหารหน่วยธุรกิจ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ประเทศไทยและอินโดจีน (เมียนมาร์ กัมพูชา ลาว) บริษัท ดีเคเอสเอช
ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้จัดหาวัคซีนเร่งด่วน จำนวน 2 ล้านโด๊ส รองรับระบาดโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ เพิ่มจากแผนจัดหาเดิมที่กรมควบคุมโรคสั่งซื้อจากบริษัท Astra Zeneca โดยเจรจากับบริษัท Sinovac Biotech Limited People’s Republic of China ซึ่งเป็นบริษัทที่สามารถส่งวัคซีนได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 มอบให้องค์การฯ เป็นผู้ดำเนินการ นำเข้าและขึ้นทะเบียนยา กรมควบคุมโรคเป็นผู้จัดซื้อและกระจายผ่านองค์การฯ ไปสู่ประชาชนต่อไป ประชาชน 1 คน จะได้รับการฉีดวัคซีน จำนวน 2 โดส รวมทั้งจะได้รับวัคซีนของ บ.แอสตร้า เซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 26 ล้านโดส ในเดือนมิถุนายน 2564 และนายกรัฐมนตรีได้อนุมัติวัคซีนเพิ่มเติมอีก 35 ล้านโดส รวมวัคซีนที่จะฉีดให้คนไทยคือ 63 ล้านโดส ครอบคลุมได้อย่างน้อยครึ่งหนึ่งของคนไทย
นายแพทย์วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า วัคซีนโควิด 19 ที่องค์การฯ สั่งซื้อจากบริษัท ซิโนแวค ไลฟ์ไซเอน ประเทศจีน จำนวน 2 ล้านโดส จะแบ่งการส่งมอบเป็น 3 งวด งวดแรก จำนวน 200,000 โดส ซึ่งจะมาถึงประเทศไทยในวันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้ งวดที่ 2 จำนวน 800,000 โดส ส่งมอบในเดือนมีนาคม งวดที่ 3 จำนวน 1 ล้านโดส ส่งมอบในเดือนเมษายน 2564 รวมทั้งสิ้น จำนวน 2 ล้านโดส โดยวัคซีนทั้งหมด 2 ล้านโดสนี้ องค์การฯได้ร่วมมือกับบริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ดำเนินการจัดเก็บ บรรจุ ภายในห้องจัดเก็บยาเย็น และกระจายภายใต้มาตรฐานสากล ไปยังโรงพยาบาลตามแผนการฉีดให้กับประชาชนที่กำหนดไว้ โดยบริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด ได้ให้การสนับสนุนแก่รัฐบาลไทยในการดำเนินงานด้านการกระจายวัคซีนป้องกันโควิด-19 จำนวน 2 ล้านโดสนี้ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
สำหรับวัคซีนจำนวน 200,000 โดสแรกจากจีน จะมาถึงไทยในวันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อดำเนินพิธีการศุลกากร และเจ้าหน้าที่ อย.ตรวจแล้ว จะขนส่งไปยังคลังสำรองวัคซีนโควิด-19 ที่ศูนย์กระจายสินค้าของบริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) สำหรับเตรียมการจัดส่งกระจายต่อไป
นายจอห์น แคลร์ รองประธานฝ่ายบริหารหน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ประเทศไทยและอินโดจีน (เมียนมา กัมพูชา ลาว) บริษัท ดีเคเอสเอช กล่าวว่า ความสัมพันธ์อันยืนยาวระหว่างดีเคเอสเอชและองค์กรชั้นนำด้านสุขภาพในประเทศไทย แสดงให้เห็นถึงความไว้วางใจของหน่วยงานด้านสาธารณสุขที่มีต่อประสบการณ์ของเราในด้านการกระจายวัคซีนให้แก่คนไทยอย่างต่อเนื่องตลอดมา ซึ่งเราได้ดำเนินการและร่วมมือกับองค์การเภสัชกรรม ในหลายๆ โครงการมากว่า10 ปี บริษัทมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมสนับสนุนประเทศไทยอีกครั้ง ในการขนส่งและกระจายวัคซีนโควิด-19 จึงถือได้ว่าได้รับเกียรติ ได้รับความไว้วางใจ ทั้งจากองค์การเภสัชกรรมให้โอกาสดำเนินภารกิจสำคัญในครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นเครื่องมือพิสูจน์ความสามารถ ความเชี่ยวชาญและประสิทธิภาพอันเป็นที่ประจักษ์ของเรา จึงขอขอบคุณที่ให้บริษัทได้ร่วมมีบทบาทในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ในครั้งนี้”
บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด หรือที่เคยเป็นที่รู้จักในนาม “ดีทแฮล์ม” ได้อยู่คู่กับประเทศไทยมากกว่า 114 ปี พร้อมทั้งได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ใช้เครื่องหมายตราครุฑตั้งห้าง เพื่อเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงการให้บริการและความมุ่งมั่นในการร่วมพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทย หน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ บริษัทมีพันธกิจหลักคือการให้บริการแก่ผู้ป่วย แพทย์ พยาบาล โรงพยาบาล คลินิก และร้านขายยา ด้วยการทำงานร่วมกับคู่ค้าทางธุรกิจเพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ยา และเครื่องมือแพทย์ที่จำเป็นทั่วประเทศไทย ซึ่งบริษัทพร้อมจะสนับสนุนการดำเนินงานด้านการกระจายวัคซีนป้องกันโควิด-19 จำนวน 2 ล้านโดสนี้ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ด้วยความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านและประสบการณ์ด้านการจัดเก็บ จัดบรรจุ และขนส่งผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ที่ได้คุณภาพและมีการรักษามาตรฐานสูงสุดตลอดการขนส่ง
บริษัทมีความพร้อมด้วยบรรจุภัณฑ์พิเศษ “Brilliant Box”ที่ใช้เทคโนโลยีพิเศษในการควบคุมอุณหภูมิของสินค้าในกล่อง เหมาะเป็นอย่างยิ่งกับการบรรจุและขนส่งยาเย็น เช่น วัคซีนโควิด-19 ที่ต้องคุมอุณหภูมิไว้ไม่เกิน 2 – 8 องศาเซลเซียส ตลอดการขนส่งเพื่อรักษาคุณภาพ บรรจุภัณฑ์ Brilliant Box ยังมีน้ำหนักเบา ทนทาน และสามารถนำมาใช้ซ้ำได้เพื่อช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ รถขนส่งปรับอากาศของบริษัทยังมีระบบเก็บความเย็นเพื่อควบคุมอุณหภูมิในรถ เหมาะกับการขนส่งยาเย็นโดยเฉพาะ โดยมีการติดตั้ง Data Logger ที่สามารถตรวจวัดอุณหภูมิภายในรถได้ตลอดการขนส่ง เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานวิธีการที่ดีในการกระจายยา และมาตรฐานสูงสุดด้านการกำกับดูแลและการประกันคุณภาพ