นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในการมอบนโยบายการบูรณาการงานร่วมกันระหว่างกองทุนการออมแห่งชาติ กับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ว่า ในปีนี้ คาดว่าประเทศไทยจะก้าวสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ จะมีผู้สูงอายุมากกว่า 20% ของประชากรทั้งหมด และคาดว่าในปี 2574 คาดว่าไทยจะก้าวสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอด หรือ มีผู้สูงอายุสัดส่วนถึง 28% ของประชากรทั้งประเทศ
อย่างไรก็ดี เพื่อรองรับสังคมสูงวัย กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการพิจารณาแก้ไขกฎเกณฑ์ในการขยายอายุ และวงเงินในการออม สำหรับผู้ออมใน กอช. ได้มากขึ้น ซึ่งขณะนี้ทาง กอช. ได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์กองทุนการออมแห่งชาติ โดยจะมีการทบทวนเงื่อนไขทุก 5 ปี ซึ่งทาง กอช. ก็มีการเสนอขยายอายุผู้ออม จากปัจจุบัน 60 ปี เป็นอายุ 65 ปี โดย กอช. เสนอมาแล้ว อยู่ระหว่างขั้นตอนรอบอร์ด กอช. พิจารณา
โดยแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (61-80) ซึ่งยุทธศาสตร์ที่ 4 คือด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคมนั้น ได้เน้นเรื่องการรองรับสังคมสูงวัยอย่างมีคุณภาพ โดยเตรียมความพร้อมในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สุขภาพ และสภาพแวดล้อม โดยเฉพาะการส่งเสริมการออมและการลงทุนระยะยาวของประชาชนตั้งแต่ก่อนเกษียณ เพื่อสร้างหลักประกันและความมั่นคงในการดำรงชีวิตหลังเกษียณในระดับพื้นฐาน
ทั้งนี้ ปัจจุบันภาครัฐมีนโยบายเตรียมความพร้อมเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เพื่อให้ประชาชนเข้าสู่วัยเกษียณอย่างมีคุณภาพ มีรายได้และชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ด้วยระบบการออมเงินเพื่อการเกษียณของไทยมี 2 รูปแบบ ทั้งการออมภาคบังคับ และภาคสมัครใจ