นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในช่วงนี้สถานการณ์หมอกควันในภาคเหนือยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 เกินค่ามาตรฐานในหลายพื้นที่ ซึ่งสาเหตุมาจากการเกิดไฟป่าหรือการเผาขยะต่างๆ และเผาไร่สวนเพื่อเตรียมที่ดินไว้สำหรับทำการเกษตร ดังนั้นปัญหาหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะบริเวณภาคเหนือตอนบน จึงเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ กรมควบคุมโรค ได้มอบหมายให้สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1 จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ ติดตามสถานการณ์และเฝ้าระวังภัยสุขภาพของประชาชนในพื้นที่อย่างใกล้ชิด รวมถึงสื่อสารประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากหมอกควัน
ปัญหาหมอกควัน ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่มีความเสี่ยงป่วยจาก 4 กลุ่มโรค ได้แก่ 1.กลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น เหนื่อยง่าย หัวใจเต้นเร็ว 2.กลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น คัดจมูก น้ำมูกไหล แสบจมูกและลำคอ 3.กลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ เช่น อาการคันตามร่างกาย มีผื่นแดงตามร่างกาย และ 4.กลุ่มโรคตาอักเสบ เช่น อาการแสบหรือคันตา ตาแดง น้ำตาไหล และมองภาพไม่ค่อยชัด ทั้งนี้ ประชาชนกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ กลุ่มเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคปอด หอบหืด ภูมิแพ้ เป็นต้น หากได้รับมลพิษจากหมอกควันเข้าสู่ร่างกาย อาจทำให้เกิดการเจ็บป่วยหรือมีผลกระทบต่อสุขภาพที่รุนแรงมากกว่าประชาชนทั่วไป
นายแพทย์โอภาส กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอให้ประชาชนในพื้นที่ยึดหลัก 3ม. ได้แก่ 1.ไม่เผา โดยขอความร่วมมือประชาชนและชุมชนให้หยุดการเผาไร่สวน และขยะต่างๆ 2.ไม่เสี่ยง โดยขอความร่วมมือประชาชนไม่ทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นเวลานานในช่วงที่มีค่าฝุ่นเกินมาตรฐานหรือมีระดับที่จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เพื่อลดความเสี่ยงในการสัมผัสหมอกควัน และ 3.ไม่ป่วย โดยการป้องกันตนเองในสถานการณ์หมอกควันรุนแรง ทั้งนี้ ขอแนะนำประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวติดตามข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงานภาครัฐอย่างต่อเนื่อง ลดกิจกรรมนอกบ้านและอยู่ภายในบ้านหรือในอาคารให้มากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง แต่หากจำเป็นขอให้ตรวจสอบค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 จากแอปพลิเคชัน “Air4Thai” และเว็บไซต์ www.air4thai.com ของกรมควบคุมมลพิษทุกครั้งก่อนเดินทาง เพื่อประเมินความเสี่ยงในการสัมผัสฝุ่น และหาวิธีป้องกันตนเองที่เหมาะสมต่อไป สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422