นายแพทย์อภินันท์ ตันติวุฒิ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรกรรม โรงพยาบาลลานนา กล่าวว่า ผู้ป่วยที่มีอากาศโรคระบบทางเดินหายใจที่เข้ามารักษาตัวในโรงพยาบาลลานนาเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เช่นเดียวกับผู้ป่วยโรคหอบหืด และโรคหัวใจก็มีอาการกำเริบ เนื่องจากฝุ่นพีเอ็ม 2.5 มีพิษกับทางเดินหายใจ และระบบหัวใจ อีกทั้งยังมีผลกับผู้ป่วยโรคผิวหนัง และโรคภูมิแพ้ด้วย โดยอยากแนะนำให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยแบบ N95 ที่สามารถกันฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ได้ดีกว่าหน้ากากอนามัยแบบธรรมดาที่ใช้ป้องกันไวรัสโควิด-19 เพราะหน้ากาก N95 ใส่ได้กระชับกว่าจึงป้องกันฝุ่นจิ๋วได้ถึงร้อยละ 95 แต่อาจทำให้เราหายใจลำบากบ้าง หากเข้าไปอยู่ในอาคาร หรือห้องปรับอากาศก็อาจสลับมาใส่หน้ากากอนามัยแบบธรรมดาแทนได้ แต่ถ้าออกไปอยู่กลางแจ้งจำเป็นต้องใส่หน้ากากแบบ N95
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรกรรม โรงพยาบาลลานนา กล่าวต่อว่า สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคระบบทางเดินหายใจ หรือโรคเรื้อรัง นายแพทย์อภินันท์ แนะนำว่า ช่วงนี้ต้องเฝ้าระวังตัวเองเป็นพิเศษ งดทำกิจกรรมกลางแจ้งโดยไม่จำเป็น และสวมหน้ากากอนามัยแบบ N95 ทุกครั้งเมื่อออกนอกบ้าน ส่วนผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้ป่วยโรคหัวใจ และโรคเรื้อรังต่างๆ ต้องอยู่ในห้องแบบปิด หรือห้องปรับอากาศ ห้องที่มีเครื่องฟอกอากาศ หากมีอากาศเปลี่ยนแปลงกะทันหันให้รีบพบแพทย์ทันที หรือเรียกรถพยาบาลไปรับได้กรณีฉุกเฉิน โดยโทรศัพท์แจ้งได้ที่หมายเลข 1669
นายแพทย์อภินันท์ กล่าวด้วยว่า ฝุ่น PM 2.5 จะอยู่ในตัวเราไปเรื่อยๆ ไม่สามารถขจัดออกได้ การสูดดมพีเอ็ม 2.5 มากกว่า 200 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เข้าไปในร่างกายต่อเนื่อง เหมือนการสูบบุหรี่เข้าไปถึงวันละ 1 ซอง จึงมีพิษในระยะยาวต่อปอด หัวใจ รวมทั้งสมอง เหมือนได้รับสารพิษที่ก่อมะเร็งสะสมในร่างกายไปเรื่อยๆ นอกจากนี้พีเอ็ม 2.5 ยังสามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ด้วย จึงทำให้ผู้ป่วยบางรายเกิดอาการระคายเคือง ผิวหนังเป็นผดผื่น จึงควรสวมเสื้อแขนยาวเมื่อออกไปอยู่กลางแจ้ง.