กรมส่งเสริมการเกษตร เร่งผลักดันเกษตรกรเข้าร่วมโครงการแปลงใหญ่ให้ได้มากสุด คาดสิ้นสุดโครงการ 31 มี.ค. อาจมีเข้าร่วม 2 พันแปลง แต่ยังต่ำกว่าที่ ครม.อนุมัติงบไว้ 5,250 แปลง เหตุเกษตรกรเมินเพราะห่วงเรื่องจดทะเบียนนิติบุคคลและต้องเสียภาษี
โครงการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาด ที่ใช้เงินกู้ภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แม้ว่าคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติงบประมาณไว้แล้ว 5,250 แปลง วงเงิน 1.39 หมื่นล้านบาท แต่ปัจจุบันมีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการล่าสุด 1,555 แปลง ซึ่งสาเหตุหลักของการเข้าร่วมโครงการยกระดับแปลงใหญ่ไม่ถึงเป้าหมายที่กำหนด เนื่องจากเกษตรกรที่จะเข้าร่วมโครงการจะต้องร่วมกลุ่มและจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลเท่านั้น ถึงจะได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากรัฐบาล
นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ระบุว่า ขณะนี้ กรมฯ และหน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการยกระดับแปลงใหญ่กำลังเร่งให้เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งล่าสุดมีจำนวน 1,555 แปลง จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลให้ทันภายในวันที่ 31 มีนาคม 2564 ที่จะสิ้นสุดระยะเวลาของมาตรการ ซึ่งยอมรับว่า เกษตรกรที่เข้าร่วมแปลงใหญ่อาจมีไม่ถึงจำนวน 5,250 แปลง ตามที่ ครม.อนุมัติงบประมาณไว้ แต่ก็จะพยายามผลักดันให้เข้าร่วมได้มากที่สุด ซี่งคาดว่าหลังสิ้นสุดระยะเวลาโครงการอาจมีเข้าร่วมเพิ่มรวมเป็น 2 พันแปลง
อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่เกษตรกรไม่เข้าร่วมแปลงใหญ่จากที่เคยแจ้งเข้าร่วม 5,250 แปลง ก่อนที่จะกำหนดหลักเกณฑ์ต้องจดทะเบียนนิติบุคคลนั้น เป็นผลจากความกังวลต้องเสียภาษีเงินได้ ซึ่งอยากย้ำว่าการเสียภาษีเป็นเรื่องปกติ และถือเป็นเรื่องดีในการช่วยประเทศชาติ ซี่งตรงจุดจะต้องเร่งประชาสัมพันธ์เชิงรุกต่อไป เพราะมองว่า การเข้าร่วมโครงการแปลงใหญ่จะได้ประโยชน์มากกว่ารายได้ที่ต้องเสียภาษี คือต้นทุนการผลิตลดลง 20% และสินค้ายังต้องผลิตให้ได้มาตรฐาน GAP และหากยกระดับเป็นเกษตรอินทรีย์ ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและเป็นขับเคลื่อนเศรษฐกิจในชุมชน