นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) มองว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะโตได้ 2.6% ซึ่งใกล้เคียงกับประมาณการของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และกระทรวงการคลัง
“IMF ยังมองว่าทุกประเทศทั่วโลกใช้นโยบายการคลังจำนวนมาก เพื่อรับมือโควิดในปี 2563 ซึ่งไทยก็ออกมาตรการกระตุ้นบริโภค ช่วยเหลือประชาชนฐานราก ตั้งแต่มาตรการชิมช้อปใช้ จนถึงโครงการคนละครึ่ง ขณะที่นโยบายการเงินของไทยก็เข้ามาช่วยผ่อนคลายเรื่องดอกเบี้ย ให้อยู่ในระดับต่ำ ทั้งซอฟต์โลนที่ช่วยเหลือ SME รวมทั้งมาตรการพักชำระหนี้ ที่ทำให้ภาคธุรกิจประครองธุรกิจต่อไปได้ ซึ่ง IMF ก็ชื่นชมในการออกมาตรการดูแลที่สอดประสานกัน” นายอาคมกล่าว
ทั้งนี้ IMF ยังได้เสนอแนะ 2 ประเด็น ได้แก่ 1.ไทยยังจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ ประคองไปจนกว่าจะมั่นใจว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวได้ดีแล้ว ซึ่งคาดว่าใช้เวลาราว 2 ปีจากนี้
และ 2.ให้นโยบายการเงินดูแลกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากโควิดอย่างเจาะจงมากขึ้น ซึ่งกระทรวงการคลังและ ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้หารือร่วมกัน โดยจะมีการดูแลผู้ได้รับผลกระทบที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าธุรกิจเอสเอ็มอี ในเร็ว ๆ นี้ ผ่านการแก้ไขกฎหมายซอฟต์โลน และการทำโกดังพักหนี้
“ขณะนี้กระทรวงการคลัง อยู่ระหว่างหารือกับ ธปท. เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายใหญ่ ด้วยการแก้ พ.ร.ก.ซอฟต์โลน ซึ่งจะขยายไปถึงธุรกิจที่มีขนาดใหญ่กว่า SME เช่น ภาคโรงแรม ที่จะเป็นการให้สินเชื่อใหม่ เชื่อมโยงไปกับโครงการโกดังเก็บหนี้ ซึ่งจะให้ธุรกิจที่เดินต่อไปไม่ได้ให้โอนธุรกิจไว้ที่โกดังก่อน และเมื่อมีความสามารถก็ให้กลับมาซื้อคืนในราคายุติธรรม” รมว.คลังกล่าว