นายวราวุธ ศิลปอาชารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ปัญหาชายฝั่งทะเลเกิดการกัดเซาะเป็นปัญหาที่ค่อนข้างซับซ้อนและสร้างผลกระทบโดยตรงให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ชายฝั่งทะเลนอกจากปัญหาชายฝั่งทะเลถูกกัดเซาะ ยังมีอีกปัญหาที่เกิดขึ้นตามมา ได้แก่ปัญหาที่ดินโฉนดตกน้ำ ซึ่งกลายเป็นข้อขัดแย้งทางกฎหมายที่สร้างผลความเดือดร้อนอย่างมากให้กับพี่น้องประชาชนตนคิดว่า ปัญหาดังกล่าวสามารถยุติได้โดยทุกฝ่ายต้องพร้อมที่จะคุยกันอย่างจริงจังและยึดประโยชน์สูงสุดของพี่น้องประชาชนบนพื้นฐานของข้อกฎหมาย
ทั้งนี้ตนได้ให้นโยบายไว้กับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในการหาแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างยั่งยืนซึ่งทางด้านนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะช่วยกำกับและติดตามอย่างใกล้ชิด อีกทั้ง ตนได้เน้นย้ำให้มีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนประชาชนต้องรับรู้ รับทราบ และสะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้นจริงและที่สำคัญต้องอยู่ภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อลดความขัดแย้งและสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างยั่งยืน นายวราวุธ กล่าว
ด้านนายโสภณ ทองดีอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งกล่าวภายหลังการลงพื้นที่ติดตามแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง บริเวณชุมชนคลองเสาธง ต. บางปูใหม่ อ. เมือง จังหวัดสมุทรปราการ ว่า ทันทีที่ตนได้รับทราบปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งและปัญหาโฉนดตกน้ำซึ่งเป็นปัญหายืดเยื้อมานานนับ 10 ปีภายหลังจากการก่อสร้างแนวเขื่อนหินกันคลื่นหินทิ้ง เมื่อปี 2545และเขื่อนหินทิ้งริมฝั่ง เมื่อปี 2554เพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินชาวบ้านถูกกัดเซาะจนหลายพื้นที่กลายเป็นที่ดินตกน้ำ ต่อไป
หลังการก่อสร้างทำให้มีพื้นที่ดินเลนงอกใหม่ในพื้นที่ที่เคยกลายเป็นพื้นที่ตกน้ำจนเกิดปัญหาการเรียกร้องสิทธิในพื้นที่ตนจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.)ประสานหน่วยงานในพื้นที่ของกรมเจ้าท่า กรมที่ดิน สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสมุทรปราการและสำนักงานเทศบาลตำบลบางปูประชุมหาแนวทางการแก้ไขปัญหากัดเซาะชายฝั่งและข้อกฎหมายเกี่ยวกับปัญหาที่ดินโฉนดตกน้ำซึ่งเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อมานาน และเป็นปัญหาในหลายพื้นที่ต่อพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนและกลายเป็นปัญหาขัดแย้งระหว่างชุมชนและหน่วยงานภาครัฐโดยในวันนี้ (17 มีนาคม 2564) ตนได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่พร้อมด้วย นายบรรเจิด อุดมสมุทรหิรัญผู้แทนเครือข่ายรักษ์อ่าวไทยและผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติผู้แทนชาวบ้านชุมชนคลองเสาธงที่ประสบปัญหาพร้อมทั้งได้ลงตรวจสอบพื้นที่ชุมชนคลองเสาธง เพื่อหาแนวทางแก้ไข
ทั้งนี้ จากการประชุมวันนี้ ทช. จะร่วมกับ ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุลรองอธิการบดีฝ่ายบริหารและความยั่งยืน ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายมหาชนมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมศึกษาวิจัยเพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนซึ่งทาง ดร. ปริญญาได้กล่าวถึงข้อวินิจฉัยทางกฎหมายเกี่ยวกับปัญหาโฉนดที่ดินตกน้ำในหลายพื้นที่ทั้งในกรณีเจ้าของที่ดินยังคงรักษาสิทธิในการครอบครองหรือปล่อยทิ้งพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งหากจะแก้ไขปัญหาคงต้องเจรจาร่วมกันทุกฝ่ายและสร้างมาตรฐานรวมทั้ง กลไกในการจัดการปัญหาอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ทช. และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะใช้พื้นที่ชุมชนคลองเสาธงเป็นพื้นที่ต้นแบบในการพัฒนาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาโดยจะขยายผลไปในพื้นที่อื่น ต่อไป ซึ่งคาดว่าจะสามารถหาแนวทางยุติปัญหาได้ในทุกมิติตามนโยบายท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนายโสภณ ทองดี กล่าวในที่สุด