นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่าเหตุผลที่กรมสรรพากรได้มีการส่งหนังสือถึงผู้ที่มีรายได้ถึงเกณฑ์ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีปี 2561 และ 2562 แต่ยังไม่มีการยื่นแบบฯ นั้น เป็นไปตามนโยบายของกรมที่ตอนนี้
“ตอนนี้เราทำ ข้อมูล data analytics นโยบาย คือ เราควรไปเป็นพันธมิตรกับผู้เสียภาษี ให้ไปแนะนำเตือนคนที่ไม่ได้ยื่นภาษี ก่อนหมดเขตการยื่นแบบ ผู้เสียภาษีจะได้ไม่ต้องเจอเบี้ยปรับ เงินเพิ่ม ถ้าเลยกำหนดเวลายื่นแบบแล้ว เพราะถ้าเลยกำหนดเวลา อาจโดนปรับอีกมาก” นายเอกนิติกล่าว
ทั้งนี้ สำหรับที่มีการกำหนดว่า หากไม่ยื่นแบบ จะต้องเสียค่าปรับ 200 บาทต่อปีนั้น นายเอกนิติกล่าวว่า การปรับดังกล่าว เฉพาะปรับอาญา ซึ่งไม่ได้รวมเงินเพิ่ม 1.5% ต่อเดือน และเบี้ยปรับอีกไม่เกิน 2 เท่า ตามประมวลรัษฎากร โดยหากบุคคลใดไม่ยื่นแบบฯ แล้วตรวจสอบพบว่า มีเงินได้สุทธิถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษี ก็จะถูกเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง พร้อมเบี้ยปรับและเงินเพิ่มดังกล่าว แต่ถ้ายื่นแบบฯ แล้ว ไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษีก็จะไม่ต้องจ่ายอะไรอธิบดีกรมสรรพากร กล่าวอีกว่า การดำเนินการทั้งหมดนี้ เพื่อสร้างเป็นธรรมระหว่างผู้ที่อยู่ในระบบภาษี กับผู้ที่อยู่นอกระบบด้วย ไม่ได้หวังเพิ่มรายได้ให้กรมแต่อย่างใด
“ไม่มีรายได้เพิ่มเข้ามา ก็ไม่เป็นไร เราไม่ได้ทำเรื่องนี้เพื่อหารายได้ แต่เพื่อสร้างความเป็นธรรม” อธิบดีกรมสรรพากรกล่าว
กรมสรรพากรได้ทำหนังสือแจ้งให้บุคคลที่ยังไม่ได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปีภาษี 2561 และปีภาษี 2562 ให้นำหนังสือที่ได้รับแจ้ง พร้อมหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย บัตรประจำตัวประชาชน และหลักฐานการหักลดหย่อนภาษีต่าง ๆ สำหรับปีภาษี 2561 และปีภาษี 2562 ไปติดต่อยังสำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาที่มีภูมิลำเนาอยู่ หรือสำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาใดก็ได้ตามที่สะดวก เพื่อยื่นแบบแสดงรายการ พร้อมทั้งชำระภาษี (ถ้ามี) ให้ถูกต้องครบถ้วน ทั้งนี้ตามมาตรา 56 แห่งประมวลรัษฎากร ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2564 หากพ้นกำหนดจะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายต่อไปทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่า ผู้ที่ได้รับหนังสือ เมื่อนำหนังสือไปติดต่อตามที่สรรพากรแจ้ง จะเสียค่าปรับปีละ 200 บาท หากไม่ได้ยื่น 2 ปีจะเสียค่าปรับ 400 บาท