นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์โควิด-19 ในจังหวัดสมุทรสาครดีขึ้น และได้ปรับจากพื้นที่สีแดงเป็นสีส้ม ดังนั้นในการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสมุทรสาคร วันที่ 23 มี.ค.นี้ จะพิจารณาเรื่องการปลดล็อกกิจการต่าง ๆ โดยจะออกเป็นประกาศในวันที่ 24 มี.ค. 2564 แต่ขณะเดียวกันยังมีกิจการบางประเภทที่คงต้องให้ปิดกิจการต่อไป
“กิจการส่วนใหญ่เปิดให้แน่นอน แต่ขอดูตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดอีก 3-4 วันก่อนว่าจะลดลงไปแค่ไหน ดูจากตัวเลขการตรวจเชิงรุกใน 3 อำเภอ ทั้ง อ.เมืองสมุทรสาคร อ.บ้านแพ้ว และ อ.กระทุ่มแบน ตามชุมชนต่าง ๆ เรายังมีข้อกังวลว่า ยังพบมีเชื้อหลงเหลืออยู่ แม้จะไม่มาก วานนี้พบผู้ติดเชื้อ 38 คน แต่หากพบ 1 คน ตามหลักการแพทย์จะพบผู้สัมผัสกลุ่มเสี่ยงอีก 10 คน จึงต้องระมัดระวัง ยังวางใจไม่ได้ ถ้าสมุทรสาครเกิดการแพร่ระบาดอีกครั้งจะควบคุมยาก” นายธีรพัฒน์กล่าวและว่า
สำหรับโรงพยาบาลสนามหรือศูนย์ห่วงใยคนสาคร ที่เดิมมีทั้งหมด 10 แห่ง ขณะนี้ปิดไปแล้ว 2 แห่ง เหลือ
8 แห่ง เมื่อสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น มีนโยบายจะปิดเพิ่มให้เหลือเพียง 3 แห่ง รวม 2,000 เตียง ซึ่งเพียงพอรองรับหากเกิดเหตุขึ้น ได้แก่ 1.บริเวณ อบต.พันท้ายนรสิงห์ 2.บริเวณสะพานท่าจีนพื้นที่ 49 ไร่ ของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และ 3.บริเวณบริษัทวิทวอเตอร์ ซิสเต็ม ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด
นายธีรพัฒน์กล่าวต่อไปว่า ในส่วนการผ่อนคลายการจัดเทศกาลสงกรานต์นั้นจะให้ไปรดน้ำดำหัวขอพรผู้ใหญ่ โดยจะออกกติกาห้ามรวมกลุ่มกันสาดน้ำ ห้ามเล่นปาร์ตี้โฟม ห้ามจัดคอนเสิร์ต
ทั้งนี้ ในเรื่องการเดินทางข้ามจังหวัดเพื่อกลับบ้านทำได้ แต่ต้องติดตั้งแอปพลิเคชั่น “หมอชนะ” เช็กอินในการเข้า-ออกสถานที่ต่าง ๆ ส่วนคนต่างชาติยังคงมาตรการห้ามเคลื่อนย้าย
ในส่วนการฉีดวัคซีนยี่ห้อซิโนแวคได้ดำเนินการไปแล้ว ส่วนวัคซีนยี่ห้อแอสตร้าเซนเนก้าเริ่มฉีดในวันนี้เป็นวันแรกในกลุ่มคนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ทั้งนี้ เตรียมจะขอวัคซีนซิโนแวคเพิ่มอีก