กรมการข้าวร่วมกับองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) ประจำประเทศไทย ภายใต้โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดภาวะโลกร้อนจากการทำนาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Thai Rice NAMA) จัดสาธิตการปรับระดับพื้นที่นาด้วยระบบเลเซอร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดโลกร้อนจากการทำนา เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ ต.สามบัณฑิต อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและเกษตรกรได้เข้าใจถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
นายอาชว์ชัยชาญ เลี้ยงประยูร อธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยว่า การปรับระดับพื้นที่นาด้วยระบบเลเซอร์เป็นเทคโนโลยีหลักที่จะสนับสนุนให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้นในการปฏิบัติเทคโนโลยีอื่น เช่น ลดการใช้น้ำและค่าน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้สูบน้ำด้วยการจัดการน้ำแบบเปียกสลับแห้ง ลดอัตราการสูญเสียปุ๋ยและข้าวให้ได้รับปุ๋ยสม่ำเสมอทั่วกันทั้งแปลงนาจากการใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน
“กรมการข้าวมุ่งส่งเสริมถ่ายทอดความรู้ผ่านนาแปลงใหญ่ในพื้นที่ 6 จังหวัด คือ พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง ชัยนาท สิงห์บุรี สุพรรณบุรี และปทุมธานี เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ส่งต่อสู่เกษตรกรรายย่อย การจัดงานสาธิตในครั้งนี้ กรมการข้าวหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถทำให้เกิดการยอมรับของชาวนาในวงกว้าง ทั้งในจังหวัดพื้นที่เป้าหมายและพื้นที่อื่นๆต่อไป”
นายโอเล เฮนริกเซน ผู้อำนวยการโครงการ Thai Rice NAMA กล่าวว่า เกษตรกรไทยควรได้เข้าถึงเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว การสนับสนุนจากภาครัฐเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้แก่เกษตรกรในการผลิตข้าวได้อย่างยั่งยืน การพัฒนาตามกรอบการพัฒนาอย่างยั่งยืน จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และตัวเกษตรกรเอง เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
ด้านนายสินสมุทร คงประโยชน์ เกษตรกรผู้ตัดสินใจทำการปรับระดับพื้นที่นาด้วยระบบเลเซอร์ กล่าวในฐานะตัวแทนเกษตรกรถึงความตื่นตัวของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในพื้นที่โครงการว่า การปรับระดับพื้นที่นาด้วยระบบเลเซอร์ช่วยประหยัดเวลาในการสูบน้ำเข้าแปลงนาได้มาก ไม่ต้องคอยเฝ้าทั้งวันทั้งคืน นอกจากช่วยให้จัดการแปลงนาได้สะดวกขึ้น ทำนาได้ปลอดภัยมากขึ้นด้วย เพราะพื้นนาเรียบเสมอกัน ไม่เป็นหลุมเป็นบ่อ และการทำปฏิบัติตามเทคโนโลยีนี้ ยังทำให้รู้สึกว่าได้เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมด้วย