ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการดำเนินการจัดทำหลักสูตรวิทยาการเกษตรระดับสูง (วกส.) ระหว่าง ดร.ทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดร.อนันต์ สุวรรณรัตน์ ประธานมูลนิธิเกษตราธิการ และดร.สุวิทย์ ชัยเกียรติยศ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) ในวันที่ 1 เมษายน 2564 ณ ห้องประชุมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่า หลักสูตรดังกล่าว จะมุ่งเน้นการเชื่อมโยงและประสานความร่วมมือในด้านวิชาการ เทคโนโลยี และนวัตกรรมสมัยใหม่ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาด้านการเกษตร ระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม สถาบันการศึกษา สื่อมวลชน และเกษตรกร เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่ภาคเกษตร ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ก่อให้เกิดเครือข่ายในการขับเคลื่อน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคการเกษตรอย่างเป็นระบบ
“หลักสูตรวิทยาการเกษตรระดับสูง หรือ วกส. ถือเป็นโครงการแรกของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ได้จัดทำหลักสูตรนี้ขึ้น โดยในวันนี้ได้เปิดตัวหลักสูตร เนื่องในโอกาสครบรอบ 129 ปี วันคล้ายวันสถาปนากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ด้วย ผมมั่นใจว่าหลักสูตรนี้จะเป็นหลักสูตรที่มีคุณภาพ และทำประโยชน์ให้กับสังคมได้เป็นอย่างมากในอนาคต อยากเชิญชวนผู้บริหารระดับสูงของทุกหน่วยงานให้มาเข้าร่วมอบรมในหลักสูตรดังกล่าว มาช่วยกันระดมความคิด แลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน นำเทคโนโลยี งานวิจัย นวัตกรรมต่างๆ มาใช้ในภาคการเกษตร เป็นการเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน สร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้า มาร่วมกันพัฒนาภาคการเกษตรไทยของเราให้เข้มแข็ง ประเทศไทยเราก็จะเข้มแข็ง” ดร.เฉลิมชัย กล่าว
สำหรับหลักสูตรวิทยาการเกษตรระดับสูง (วกส.) เป็นหลักสูตรเพื่อขับเคลื่อนภาคการเกษตรไทย ให้เป็นผู้นำในระดับนานาชาติด้วยวิทยาการเกษตร เทคโนโลยี และนวัตกรรมสมัยใหม่ ภายใต้หลักการตลาดนำการผลิตและเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อความสมดุล มั่นคงและยั่งยืน โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาศักยภาพและสร้างผู้นำระดับสูง ให้มีความรู้ความสามารถด้านการพัฒนาการเกษตร รวมทั้งก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ วิสัยทัศน์ และประสบการณ์ระหว่างผู้นำทั้งภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชน มุ่งสู่การเกษตรวิถีใหม่ โดยคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมหลักสูตร จะต้องเป็นผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งเป็นข้าราชการพลเรือน หรือข้าราชการทหาร/ตำรวจ ระดับ 9 ขึ้นไป และภาคเอกชนหรือองค์การสาธารณะ ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.acemoac.in.th