กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าต่างประเทศ และกรมการค้าภายใน จับมือเดินหน้าป้องกันการสวมสิทธิและลงโทษผู้ส่งออกที่ลักลอบนำตู้คอนเทนเนอร์เปล่าออกไปบรรจุผลไม้ของประเทศเพื่อนบ้าน แอบอ้างเป็นผลไม้ไทยแล้วส่งออกไปจีน กระทบต่อชื่อเสียงของผลไม้ไทย
นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า “กรมฯ ได้รับแจ้งข่าวจากกรมการค้าภายใน ว่ามีการนำตู้คอนเทนเนอร์เปล่าหรือบรรทุกสินค้าผลไม้ไม่เต็มตู้ ออกไปบรรจุผลไม้ของประเทศเพื่อนบ้านแล้วส่งออกไปจีน โดยใช้หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า Form E เพื่อขอรับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร ซึ่งการกระทำดังกล่าวนั้น เข้าข่ายการแอบอ้างถิ่นกำเนิดสินค้า โดยใช้ไทยเป็นฐานการปลอมแปลงถิ่นกำเนิด ส่งผลต่อภาพลักษณ์และชื่อเสียงของผลไม้ไทย”
ที่ผ่านมา กรมฯ ได้จับตาเฝ้าระวังสถานการณ์การสวมสิทธิผลไม้ไทยที่ส่งออกไปจีนในภาพรวมอย่างต่อเนื่อง โดยได้กำหนดให้สินค้าผลไม้จำนวน 3 รายการ ได้แก่ 1) มังคุดสด 2) ทุเรียนสดและแช่แข็ง และ 3) ส้มโอสดหรือแห้ง อยู่ในบัญชีรายการสินค้าเฝ้าระวัง (Watch-List) ซึ่งทำให้ขั้นตอนในการพิจารณาออกหนังสือรับรองฯ เข้มงวดและรัดกุมยิ่งขึ้น
จากสถิติการออกหนังสือรับรองฯ Form E สำหรับสินค้าผลไม้ ภายใต้พิกัดศุลกากรที่ 0801 – 0810 ในปี 2563 พบว่ามีจำนวน 79,699 ฉบับ น้ำหนักสุทธิรวม 1,525,939 ตัน โดยมีสินค้าผลไม้ที่มีการออกหนังสือรับรองฯ Form E ทั้งสิ้น 12 ชนิด ได้แก่ทุเรียน ลำไย มะพร้าว มังคุด ขนุน น้อยหน่า ส้มโอ สับปะรด มะม่วง กล้วย ชมพู่ และเงาะ ตามลำดับ
อธิบดีฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า “จากสถานการณ์ดังกล่าวข้างต้น เพื่อป้องกันการสวมสิทธิผลไม้ไทย และป้องกันการแอบอ้างถิ่นกำเนิด กรมฯ จึงได้ดำเนินการเพิ่มสินค้าผลไม้อีก 9 รายการ ได้แก่ 1) ลำไยสด พิกัดฯ0810.90 2) มะพร้าว พิกัดฯ 0801 3) ขนุน พิกัดฯ 0810.90 4) น้อยหน่า พิกัดฯ 0810.90 5) สับปะรด พิกัดฯ 0804.30 6) มะม่วง พิกัดฯ 0804.50 7) กล้วย พิกัดฯ 0803.90 8) ชมพู่ พิกัดฯ 0810.90 และ 9) เงาะ พิกัดฯ 0810.90 ในบัญชีรายการสินค้าเฝ้าระวัง (Watch-List) ซึ่งจะทำให้ขั้นตอนในการพิจารณาออกหนังสือรับรองฯ Form E เข้มงวดและรัดกุมยิ่งขึ้น รวมถึงได้กำหนดแนวปฏิบัติในการออกหนังสือรับรองฯ Form E สำหรับสินค้าผลไม้ 9 รายการดังกล่าว และมังคุดสด พิกัดฯ 0804.50 ทุเรียนสด พิกัดฯ 0810.60 ทุเรียนแช่แข็ง พิกัดฯ 0811.90 ส้มโอสดหรือแห้ง พิกัดฯ 0805.40 ที่อยู่ในบัญชีรายการสินค้าเฝ้าระวังก่อนหน้านี้ โดยให้ผู้ยื่นขอหนังสือรับรองฯ Form E ต้องระบุข้อมูลเพิ่มเติม ดังนี้ 1) ข้อความยืนยันแหล่งที่มาของสินค้าในประเทศที่ขอรับหนังสือรับรองฯ 2) วันที่ส่งออก 3) ด่านที่ส่งออกของไทย 4) ประเภทยานพาหนะ และ 5) ชื่อยานพาหนะ นอกจากนี้ ต้องแนบเอกสารเพิ่มเติม ได้แก่ 1.หนังสือรับรองว่าเป็นสินค้าที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทยและผลิตถูกต้องตามหลักเกณฑ์การผลิตภายใต้กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้าของประเทศผู้ให้สิทธิ (หนังสือรับรองกรมฯ) และ 2. เอกสารหลักฐานอื่นที่แสดงการได้มาซึ่งสินค้า ที่สามารถตรวจสอบและเชื่อถือได้ อาทิ ใบเสร็จซื้อขาย เป็นต้น ส่งผลให้สินค้าผลไม้ในบัญชีรายการสินค้าเฝ้าระวัง (Watch-List) มีทั้งหมด 12 รายการสินค้า ทั้งนี้ ให้เริ่มใช้แนวปฏิบัติดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน 2564 เป็นต้นไป”
การดำเนินการตามแนวปฏิบัติในการออกหนังสือรับรองฯ ดังกล่าว เป็นการดำเนินงานเชิงรุกในการป้องกันการสวมสิทธิและการแอบอ้างถิ่นกำเนิดสินค้าผลไม้ เพื่อให้ประเทศไทยได้รับความเชื่อถือและความมั่นใจจากประเทศคู่ค้าว่า ผลไม้ที่ส่งออกจากไทยเป็นผลไม้ที่มีถิ่นกำเนิดไทยจริง อีกทั้งยังช่วยรักษาความเชื่อมั่นในมาตรฐาน ภาพลักษณ์และชื่อเสียงของผลไม้ไทยในตลาดโลกอีกด้วย ซึ่งหากพบว่ามีการกระทำผิด กรมฯ จะดำเนินการตามประกาศกรมฯ เรื่อง มาตรการและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการพิจารณาออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าต่อผู้ประกอบการหรือผู้ส่งออกที่ก่อหรืออาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2562 ข้อ 3 (2) (ง) โดยให้ผู้ส่งออกแสดงเอกสารหลักฐานการผลิต เพื่อพิสูจน์ความถูกต้องตามหลักเกณฑ์ถิ่นกำเนิดสินค้าทุกชนิด ก่อนยื่นขอหนังสือรับรองฯ ทุกประเภทที่ส่งออกไปยังทุกประเทศ พร้อมทั้งเพิกถอนหนังสือรับรองฯ หากผู้ส่งออกไม่สามารถพิสูจน์ความถูกต้องของหลักเกณฑ์ถิ่นกำเนิดสินค้าได้