นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ความเสี่ยงสูงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างกว้างขวางในขณะนี้ ส่วนใหญ่เกี่ยวพันสถานบันเทิงหลายแห่ง ซึ่งปัจจัยเสี่ยงสำคัญคือการอยู่ในพื้นที่หรืออาคารปิด มีความคับแคบ แออัด และการระบายอากาศไม่ดี รวมทั้งผู้ใช้บริการมีพฤติกรรมเสี่ยงด้านสุขอนามัยส่วนบุคคล เช่น ไม่สวมหน้ากาก กินอาหารและเครื่องดื่มร่วมกัน สัมผัสใกล้ชิดกัน และเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กรมอนามัยจึงได้จัดทำ 5 แนวทาง ช่วยให้ให้สถานประกอบการดังกล่าวปฏิบัติตามมาตรการด้านสุขาภิบาลและอนามัยสิ่งแวดล้อม ดังนี้ 1) จัดให้มีระบายอากาศที่ดี เนื่องจากการระบายอากาศเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญต่อการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 ภายในอาคาร หากเป็นไปได้ให้ใช้การระบายอากาศตามธรรมชาติ เช่น เปิดประตูหน้าต่างเพื่อระบายอากาศเป็นระยะ หรือใช้ระบบทางกลเพื่อให้มีการแลกเปลี่ยนอากาศระหว่างภายในกับภายนอกอาคาร เพิ่มสัดส่วนการแลกเปลี่ยนอากาศให้มากขึ้น โดยเฉพาะในบริเวณที่อับอากาศ และไม่ควรหมุนเวียนอากาศเดิมมาใช้ใหม่ หากจำเป็นให้ใช้ที่กรองอากาศ ซึ่งต้องมีการดูแลสม่ำเสมอ สำหรับห้องปรับอากาศ ต้องดูแล บำรุงรักษาสม่ำเสมอตามระยะเวลาที่กำหนด และต้องมีการใช้งานในลักษณะที่ลดการนำอากาศมาใช้ใหม่ และเพิ่มการนำอากาศจากภายนอกเข้ามาให้มากขึ้น ส่วนในห้องส้วม ให้ใช้พัดลมระบายอากาศออก ตลอดเวลาที่เปิดให้บริการ
นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า แนวทางถัดมาคือ 2) มีระบบคัดกรองและจำกัดจำนวนผู้ใช้บริการไม่ให้แออัด และจัดระยะห่างระหว่างบุคคล โดยกำหนดพื้นที่ให้บริการอย่างน้อย 1 คนต่อ 4 ตารางเมตร เว้นระยะห่างระหว่างโต๊ะในร้านอย่างน้อย 2 เมตร หรือทำฉากกั้น และทุกจุดบริการจัดให้มีการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลอย่างน้อย 1 เมตร รวมถึงบริเวณนั่งรอ จุดรอใช้บริการห้องส้วม พื้นที่ส่วนกลางอื่น ๆ 3) เน้นมาตรการสุขอนามัยส่วนบุคคล ด้วยการรักษาระยะห่าง ล้างมือบ่อย ๆ และสวมใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลา หลีกเลี่ยงการสัมผัส พูดคุยใกล้ชิด ไม่ดื่มน้ำหรือเครื่องดื่มจากแก้วเดียวกัน และไม่ใช้ช้อนร่วมกับผู้อื่น 4) การดูแลด้านความสะอาด ให้เพิ่มความถี่ในการ ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรค โดยเน้นพื้นผิวที่มีการสัมผัสร่วมกัน เช่น ห้องน้ำ ห้องส้วม กลอนหรือลูกบิดประตู ราวกั้นทางเข้าออก โต๊ะ เก้าอี้ เครื่องดนตรี ไมโครโฟน และจัดให้มีที่ล้างมือพร้อมสบู่และน้ำหรือจัดเจลแอลกอฮอล์ไว้บริการอย่างเพียงพอ จัดวางในบริเวณที่เหมาะสมใช้ได้สะดวก มีภาชนะรองรับขยะมูลฝอยที่มีฝาปิดมิดชิด เก็บรวบรวม มัดปากถุงขยะมูลฝอยให้แน่น และนำออกไปส่งกำจัดทุกวัน และ 5) สื่อสารให้พนักงานและผู้ใช้บริการมีความตระหนักและกระตุ้นเตือนให้มีพฤติกรรมสุขอนามัยส่วนบุคคลที่ดีอยู่เสมอ เช่น จัดให้มีป้ายหรือข้อความแสดงหรือประกาศแจ้ง เป็นระยะ
“ทั้งนี้ กรมอนามัยร่วมกับภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชน สมาคม องค์กรต่าง ๆ ขับเคลื่อนมาตรการ “3 สร้าง” ได้แก่ สร้างมาตรฐาน สร้างความปลอดภัย สร้างความมั่นใจ ผ่านแพลตฟอร์ม Thai Stop COVID Plus (TSC+) ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับผู้ประกอบการ กิจการ กิจกรรมต่าง ๆ เพื่อสร้างความมั่นใจกับประชาชน ซึ่งที่ผ่านมาพบว่าสถานประกอบการประเภทสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ เข้ามาประเมินใน Thai stop COVID Plus (TSC+) เพียง 116 แห่ง ผ่านการประเมิน 104 แห่ง ไม่ผ่าน 12 แห่ง จึงอาจเป็นเหตุให้เกิดความเสี่ยงต่อการระบาด ดังนั้น ขอความร่วมมือสถานประกอบการประเภทดังกล่าวได้เข้ามาประเมินตนเองเพิ่มมากขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจ และความปลอดภัยให้กับผู้ใช้บริการ” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว