นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวชี้แจงประเด็นกรณีที่ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อควบคุมความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเรื่องการผลักดันและส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวภายในประเทศ รวมถึงการผลักดันให้เกิดการท่องเที่ยวระหว่างประเทศภายในไตรมาสที่ 3 ว่า ททท.ไม่ได้นิ่งนอนใจโดยการฟื้นฟูและส่งเสริมการท่องเที่ยวภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะเน้นการกระตุ้น การเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศเป็นสำคัญ โดยการผลักดันการท่องเที่ยวที่เหมาะสมกับพฤติกรรมนักท่องเที่ยวชาวไทยที่มีแนวโน้มเปลี่ยนไปจากเดิม ททท. จึงได้มีการปรับกลยุทธ์ส่งเสริมตลาดท่องเที่ยวในประเทศ โดยการเพิ่มความถี่ในการเดินทางท่องเที่ยวระยะใกล้ภายในภูมิภาค การท่องเที่ยวตาม Lifestyle ของนักท่องเที่ยว และส่งเสริมให้เกิดการกระจายตัวการเดินทาง ทั้งในแง่ของพื้นที่และช่วงเวลา
นอกจากนี้ ททท. จะใช้โครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวของรัฐบาล เป็นเครื่องมือในการกระตุ้นการเดินทางในประเทศทั้งโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 และโครงการ ทัวร์เที่ยวไทย ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแล้ว เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2564 โดยทั้งสองโครงการจะเริ่มเปิดให้ประชาชนใช้สิทธิในเดือนพฤษภาคมนี้ ส่วนการดำเนินโครงการที่ผ่านมา ทั้งโครงการกำลังใจซึ่งดำเนินการระหว่างเดือนกรกฎาคม 2563 – มกราคม 2564 และโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 1-2 คาดการณ์จะก่อให้เกิดการรายได้ไม่ต่ำกว่า 38,000 ล้านบาท
ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวเพิ่มเติมสำหรับการเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ยืนยันมีการดำเนินงานอย่างเป็นขั้นตอนและเป็นระบบภายใต้มาตรการการกำกับดูแลและควบคุมอย่างเคร่งครัดของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งในที่ประชุม ศบศ. เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2564 คณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจฯ มีมติเห็นชอบในหลักการแนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว โดยแบ่งออกเป็น 2 ระยะคือ ระยะที่ 1 จะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าจังหวัดภูเก็ต (Phuket Sandbox) ช่วงไตรมาสที่ 3 โดยไม่กักตัว ภายใต้เงื่อนไขนักท่องเที่ยวต่างชาติได้รับวัคซีนครบโดส และมีผลตรวจโควิด-19 บินตรงเข้าจังหวัดภูเก็ต และตรวจเชื้อเมื่อเดินทางมาถึงโดยไม่ต้องกักตัว และต้องอยู่ในจังหวัดภูเก็ต หรือพื้นที่นำร่อง อย่างน้อย 7 คืน ก่อนออกเดินทางไปยังพื้นที่อื่นๆ , ใช้มาตรการป้องกันควบคู่ เช่น Vaccine Certificate และแอปพลิเคชันแจ้งเตือน ส่วนไตรสมาส 4 จะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าพื้นที่นำร่อง ได้แก่ ภูเก็ต กระบี่ พังงา เกาะสมุย ชลบุรี (พัทยา) และเชียงใหม่ โดยไม่กักตัว ภายใต้เงื่อนไข นักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งได้รับวัคซีนครบโดสและมีผลตรวจโควิด-19 บินตรงเข้าพื้นที่และตรวจเชื้อเมื่อเดินทางมาถึง โดยไม่ต้องกักตัวและต้องอยู่ในพื้นที่นำร่องอย่างน้อย 7 คืน ก่อนออกเดินทางไปยังพื้นที่อื่นๆ เช่นเดียวกัน