รายงานข่าวว่า เมื่อเร็วๆนี้ ผู้ประกอบการรถเกี่ยวนวดข้าวที่จังหวัดบุรีรัมย์ได้ออกมาเรียกร้องให้องค์การบริหารส่วนตำบล และเทศบาล งดเว้นการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเขตควบคุมการเกี่ยวข้าว เพื่อป้องกันการขาดแคลนรถเกี่ยวและค่าจ้างเกี่ยวที่จะสูงขึ้นตามไปด้วย เพราะหากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแต่ละพื้นที่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากรถเกี่ยวนวดข้าว ก็จะเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายให้แก่เจ้าของรถเกี่ยวนวดข้าว
ปกติต้องแบกรับภาระทั้งค่าน้ำมัน ค่าซ่อมบำรุงครั้งละหลักหมื่นถึงหลักแสนบาท ค่าจ้างคนขับอยู่แล้ว ยังต้องมาจ่ายค่าธรรมเนียมเขตควบคุมการเกี่ยวให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องเพิ่มอีกคันละ 1,500-2,000 บาทในแต่ละพื้นที่ตำบลที่เข้าเขตไปเกี่ยวข้าว โดย อบต.หรือเทศบาล ที่เรียกเก็บอ้างว่าเป็นการจัดเก็บตามที่มีการออกเทศบัญญัติ หรือข้อบัญญัติตามระเบียบ แต่บางแห่งก็ไม่ได้ออกข้อบัญญัติ แต่กลับเรียกเก็บโดยไม่ได้ออกใบเสร็จให้ด้วย จึงอยากเรียกร้องให้จังหวัดหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหารือกับท้องถิ่น พิจารณางดเว้นจัดเก็บค่าธรรมเนียมรถเกี่ยวนวดข้าวด้วย หากมีการงดเว้นการจัดเก็บค่าธรรมเนียมดังกล่าวแล้ว ผู้ประกอบการรถเกี่ยวนวดข้าวที่มีอยู่ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ประมาณ 1,200 คัน พร้อมจะให้ความร่วมมือลดค่าจ้างเกี่ยวลงเพื่อช่วยเหลือชาวนาอีกทางหนึ่งด้วย
นายสมัคร นิลนนท์ อายุ 45 ปี เจ้าของรถเกี่ยวนวดข้าว อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า ผู้ประกอบการรถเกี่ยวนวดข้าวต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นเช่นกัน หากภาครัฐจะขอความร่วมมือให้ลดค่าจ้างเกี่ยวข้าวลง ทางผู้ประกอบการพร้อมจะให้ความร่วมมือ เพราะเห็นใจชาวนาที่ประสบปัญหาราคาข้าวตกต่ำ แต่ทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ก็ต้องงดเว้นจัดเก็บค่าธรรมเนียมรถเกี่ยวด้วย เชื่อว่าจะเป็นผลดีกับทุกฝ่าย
ด้านนายประภาส รักษาทรัพย์ รองผู้ว่าราชการจ.บุรีรัมย์ ระบุว่า กรณีดังกล่าวทางจังหวัดจะหารือกับท้องถิ่น และผู้บริหาร อบต. เทศบาลต่างๆ เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือให้เกิดความเป็นธรรมทั้งกับผู้ประกอบการรถเกี่ยวนวดข้าวและชาวนา ส่วน อบต. เทศบาลที่ออกข้อบัญญัติหรือเทศบัญญัติแล้วจะต้องดูระเบียบหลักเกณฑ์ว่าจะสามารถพิจารณางดเว้นได้หรือไม่อย่างไร ส่วนที่ไม่มีก็จะเป็นการขอความร่วมมือไป