นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า จากการแพร่ระบาดของโควิด–19 ที่มีสถานการณ์ความรุนแรงมากขึ้น ทำให้ในหลายจังหวัดได้มีมาตรการปิดสถานที่เสี่ยงเพิ่มเติม เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมและรองรับหากเกิดภาวะวิกฤติที่อาจจะเกิดขึ้น กรมการค้าภายในจึงได้ติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าและปริมาณสินค้าอย่างใกล้ชิด พร้อมได้หารือกับผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีก-ค้าส่งทั่วประเทศ ให้เตรียมพร้อม สต๊อกสินค้าเพิ่มมากขึ้นจากภาวะปกติ โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการครองชีพ อาทิ ข้าวสารอาหารแห้ง อาหารกระป๋อง อาหารแช่แข็ง น้ำดื่ม อุปกรณ์ทำความสะอาด ตลอดจนของใช้ที่จำเป็นในการดำรงชีวิต ให้มีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการของประชาชนและเพิ่มความถี่ในการเติมสินค้าในชั้นวางอยู่เสมอเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน รวมทั้งได้เน้นย้ำไม่ให้ฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาสินค้าและต้องปิดป้ายแสดงราคาให้ชัดเจน
สำหรับการสั่งซื้อสินค้า online ได้มีการหารือกับผู้ประกอบการให้บริการส่งสินค้าและสั่งซื้ออาหาร online โดยได้ขอความร่วมมือไม่ให้มีการปรับราคาค่าบริการและให้เข้มงวดด้านสุขอนามัยของพนักงานส่งสินค้าเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดและสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนฃนอกจากนี้ ยังได้จัดเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบสถานการณ์สินค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า สินค้าในห้างค้าปลีก-ค้าส่งยังคงมีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการของประชาชน ซึ่งในช่วงนี้มีปริมาณการซื้อสินค้าแต่ละครั้งเพิ่มขึ้น เพราะต้องการซื้อเก็บไว้ไม่ต้องการออกจากบ้านๆ บ่อย แต่โดยรวมแล้วไม่ได้มีผลกระทบและยังไม่พบการกักตุนสินค้า
อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการสอบถามห้างค้าปลีก-ค้าส่ง ได้ให้ความมั่นใจว่าปริมาณสินค้ามีเพียงพออย่างแน่นอน ไม่จำเป็นต้องกักตุน และผู้ให้บริการ platform ยืนยันไม่มีการปรับราคาค่าบริการ ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นการกักตุนสินค้าหรือขายสินค้าโดยไม่เป็นธรรม สามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ หากตรวจพบว่ามีการจำหน่ายสินค้าในราคาแพงเกินสมควร หรือมีการกักตุน หรือปฏิเสธการจำหน่าย จะมีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกรณีที่ไม่ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายจะมีโทษสูงสุดปรับไม่เกิน 10,000 บาท