บริษัท กฟผ. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (EGATi) รุกสร้างศักยภาพธุรกิจ ด้วยการลงทุนเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซีย เพื่อจัดหาเชื้อเพลิงและสร้างรายได้รองรับการเติบโตของบริษัทในอนาคต ย้ำ การขายถ่านหินให้ กฟผ. เป็นส่วนหนึ่งของแผนธุรกิจ แต่ยังต้องเข้าแข่งขันและประมูลกับคู่แข่งรายอื่นๆ อย่างโปร่งใสและเป็นธรรม
นายวัชรา เหมรัชตานันต์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กฟผ. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (EGATi) เปิดเผย ถึงการเข้าไปซื้อหุ้นบริษัท Adoro Indonesia (AI) ซึ่งเป็นเหมืองถ่านหิน ในประเทศอินโดนีเซีย ที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ EGATi ลงทุนเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2559 ที่ผ่านมา ว่า เป็นไปตามกลยุทธ์การลงทุนของ EGATi ในฐานะที่ EGATi เป็นบริษัทลูกของ กฟผ. ที่ กฟผ. ถือหุ้นร้อยเปอร์เซนต์ เพื่อเป็นตัวแทน กฟผ. ลงทุนในโครงการที่เกี่ยวกับพลังงานไฟฟ้า และธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อการจัดหาพลังงานไฟฟ้าส่งเข้าประเทศ เพื่อสร้างความมั่นคงของระบบพลังงานไฟฟ้าไทย ซึ่งที่ผ่านมา EGATi ได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาลเวียดนามให้ลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินกวางจิ 1 มีขนาดกำลังผลิต 1,320 เมกะวัตต์ มีกำหนดแล้วเสร็จจะสามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบในช่วงระหว่างปี 2565-2566 ดังนั้นการเตรียมความพร้อมเรื่องของเชื้อเพลิงจึงเป็นสิ่งจำเป็น เมื่อรัฐบาลอนุมัติให้ EGATi ลงทุนในบริษัท AI ได้ จึงเป็นการลดความเสี่ยงด้านการจัดหาเชื้อเพลิงสำหรับโรงไฟฟ้ากวางจิ 1 จะสามารถทำให้ดำเนินการได้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้
นอกจากนี้ การลงทุนดังกล่าว จะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัท และลดการพึ่งพาเงินลงทุนของ กฟผ. ในอนาคต เนื่องจากแหล่งเงินทุนของ EGATi จะมาจาก กฟผ. และจากการทำธุรกิจ ซึ่งในปัจจุบันการลงทุนของ EGATi ยังต้องใช้เงินลงทุนทั้งหมดจาก กฟผ. การลงทุนในบริษัท AI จะทำให้บริษัทมีสินทรัพย์ สามารถรับรู้รายได้ ทำให้สามารถระดมทุนเพื่อขยายธุรกิจได้ด้วยตัวเองในอนาคต ซึ่งเป็นการลดภาระการลงทุนของ กฟผ.
“การเข้าไปลงทุนในเหมืองถ่านหินขณะนี้ ยังเป็นโอกาสที่ดี เนื่องจากถ่านหินมีราคาต่ำลง และจากการคาดการณ์ในอนาคต ภูมิภาคอาเซียน หรือ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะมีการเติบโตของการใช้ถ่านหิน ซึ่งในขณะนี้หลายประเทศทั่วโลกยังคงมีแผนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเพิ่มขึ้น เช่น อินโดนีเซีย 35,000 เมกะวัตต์ และเวียดนาม 55,000 เมกะวัตต์ เป็นต้น จะทำให้บริษัทสามารถสร้างผลกำไรจากการขายถ่านหินให้กับโรงไฟฟ้าต่าง ๆ ได้ และในอนาคตยังอาจสามารถขายให้ กฟผ. ได้ด้วย โดยผ่านกระบวนการซื้อจ้างตามระเบียบการซื้อจ้างของ กฟผ. ซึ่งเป็นการประมูลในระดับนานาชาติ อย่างโปร่งใส และเป็นธรรมทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย แต่อย่างไรก็ตาม ณ เวลานั้น บริษัทอาจจะมีกำลังผลิตถ่านหินเหลือไม่พอที่จะเข้าร่วมประมูลก็เป็นไปได้”
นายวัชรา เหมรัชตานันต์ กล่าวต่อถึงรายละเอียดการลงทุนกับบริษัท AI ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นเจ้าของแหล่งถ่านหินประเภทซับบิทูมินัส ที่มีคุณภาพดี มีแบรนด์การค้าที่มีชื่อเสียงทั่วโลกว่า Envirocoal และมีลูกค้ากว่า 12 ประเทศทั่วโลก เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี จีน ฮ่องกง สเปน เป็นต้น โดยข้อมูลในปี 2558 มีปริมาณถ่านหินสำรองมากเป็นอันดับที่ 3 และผลิตถ่านหินได้เป็นอันดับ 2 ของประเทศอินโดนีเซีย บริษัท AI สามารถสร้างกำไรได้อย่างต่อเนื่องแม้ในช่วงที่ถ่านหินมีราคาตกต่ำนั้น EGATi ได้ตกลงมูลค่าการลงทุนรวม 325 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 1.17 หมื่นล้านบาท โดยจะแบ่งจ่ายเงินลงทุนเป็นสองส่วน ส่วนแรกจ่ายในปี 2559 จำนวน 164 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีสัดส่วนร้อยละ 11-12 เงินลงทุนจำนวนดังกล่าวมาจากการเพิ่มทุนของ กฟผ. และส่วนที่เหลือจำนวน 161 ล้านเหรียญสหรัฐ จะทยอยจ่ายในปี 2565-2570 โดยใช้เงินลงทุนจากเงินปันผลที่ EGATi ได้รับ
นอกจากการลงทุนดังกล่าว EGATi ยังได้ศึกษาโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเพิ่มเติมใน สปป.ลาว กัมพูชา และอินโดนีเซีย รวมกำลังผลิตประมาณ 3,000 เมกะวัตต์ ทั้งยังได้ลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ เช่น โครงการเขื่อนน้ำเงี้ยบ 1 ตั้งอยู่ที่แขวงบอลิคำไซ สปป.ลาว ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างเขื่อนและโรงไฟฟ้า ขนาดกำลังผลิต 289 เมกะวัตต์ โดย EGATi ถือหุ้นร้อยละ 30 มีกำหนดจ่ายไฟฟ้าในปี 2562
นอกจากนี้ EGATi อยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำสาละวินตอนบน (มายตง) ตั้งอยู่เมืองมายตง รัฐฉาน สหภาพเมียนมา ซึ่งมีขนาดกำลังผลิตประมาณ 3,000 เมกะวัตต์ EGATi ถือหุ้นร้อยละ 30 ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสมการลงทุนเพื่อลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสังคมเพิ่มเติม และโครงการไฟฟ้าพลังน้ำฮัจยี ตั้งอยู่จังหวัดผาอัน รัฐคะหยิ่น สหภาพเมียนมา ซึ่งมีขนาดกำลังผลิต 1,360 เมกะวัตต์ EGATi ถือหุ้นร้อยละ 36 ซึ่งขณะนี้รอความชัดเจนจากรัฐบาลเมียนมา