ป.ป.ช. เผยแพร่ความคืบหน้าชี้มูลผิด 'บรรเทิง พุ่มไสว' อดีตนายก อบต.บางแม่นาง อำเภอบางใหญ่ นนทบุรี กรณีเบิกจ่ายเงินตามเช็คโดยไม่มีฎีกา-จัดทำเอกสารประกอบ ล่าสุด ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้โทษจำคุก พร้อมพวก 1 ราย คนละ 4 ปี จากเดิม 23 ปี ส่วนเอกชนโดนฐานผู้สนับสนุน 2 ปี 8 เดือน -ปรับ 6,666.66 บาท
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา นายบรรเทิง พุ่มไสว เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บางแม่นาง อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี กับพวก 3 ราย ประกอบไปด้วย นางสาววิไลวรรณ คำโคตร นายเอนก นาคนคร และบริษัท นาคนคร จำกัด กรณีเบิกจ่ายเงินตามเช็คโดยไม่มีฎีกาประกอบการเบิกจ่ายเงินและจัดทำเอกสารประกอบ
ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151, 157 และ 162 (1), (4) ประกอบมาตรา 90 และ 91 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2560 ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2563 ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้โทษว่า การกระทำความผิดของจำเลย ทั้ง 4 คือ นายบรรเทิง พุ่มไสว จำเลยที่ 1 นางสาววิไลวรรณ คำโคตร จำเลยที่ 2 นายเอนก นาคนคร จำเลยที่ 3 และบริษัท นาคนคร จำกัด จำเลยที่ 4 เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท
ให้ลงโทษ นายบรรเทิง พุ่มไสว จำเลยที่ 1 นางสาววิไลวรรณ คำโคตร จำเลยที่ 2 ตามมาตรา 151 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามมาตรา 90 จำคุกคนละ 6 ปี
ลงโทษนายเอนก นาคนคร จำเลยที่ 3 และบริษัท นาคนคร จำกัด จำเลยที่ 4 ตามมาตรา 151 ประกอบมาตรา 86 ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุด ตามมาตรา 90 ให้จำเลยที่ 3 จำคุก 4 ปี จำเลยที่ 4 ปรับ 10,000 บาท
ทางไต่สวนของจำเลยทั้งสี่ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้คนละหนึ่งในสาม คงจำคุก จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 คนละ 4 ปี จำเลยที่ 3 คงจำคุก 2 ปี 8 เดือน จำเลยที่ 4 คงปรับ 6,666.66 บาท
หลังจากที่ศาลชั้นต้น พิพากษาให้ลงโทษ จำคุกจำเลยที่ 1 และ 2 คนละ 23 ปี และลงโทษจำเลยที่ 3 ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน จำนวน 14 ปี 16 เดือน และลงโทษจำเลยที่ 4 ปรับเงิน 25,000 บาท
ทั้งนี้ คดีนี้ยังไม่สิ้นสุด จำเลยทั้งหมด มีสิทธิต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมลงมติเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2564 เห็นชอบในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่ฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท