นายกรัฐมนตรีเตรียมเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค.ชุดใหญ่ ในวันพรุ่งนี้ พร้อมติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 และเตรียมมาตรการต่อพรก.ฉุกเฉินออกไปอีก
20 พ.ค. 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เตรียมเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค.ชุดใหญ่ ครั้งที่ 7/2564 ผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ ที่ตึกสันติไมตรีหลังนอกทำเนียบรัฐบาลเพื่อติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 หลัง ศบค.มีมาตรการที่เข้มขึ้น เมื่อวันที่ 1 พ.ค. เพื่อแก้ปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งครบ 2 สัปดาห์แล้ว ดังนั้น ในที่ประชุมจะรับทราบรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ รวมถึงมาตรการด้านสาธารณสุขในการจัดการประชุมรัฐสภาสมัยสามัญ ซึ่งจะเปิดสภาในวันที่ 22 พ.ค. และสภาเตรียมพิจารณาร่าง พ.ร.ก.กู้เงิน 2 ฉบับ ที่รัฐบาลออกมาตรการไปแล้ว ในวันที่ 27 พ.ค.นี้ ส่วนการพิจารณาพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 ระหว่างวันที่ 31 พ.ค.-2 มิ.ย. นอกจากนี้ จะรับทราบมาตรการของสถานศึกษาเพื่อดำเนินการเปิดภาคเรียนที่ 1 ประจำปี 2564
พร้อมกันนี้ ในที่ประชุมเตรียมพิจารณาความเหมาะสมในการขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ครั้งที่ 12 ซึ่งจะหมดอายุในวันที่ 31 พ.ค.นี้ และจะพิจารณาการให้บริการวัคซีนโควิด-19 รายงานการตั้งโรงพยาบาลสนาม เป็นต้น
ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การประชุมศบค.ชุดใหญ่ในวันพรุ่งนี้ จะมีการพิจารณาขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่จะนำมาใช้ในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 31 พ.ค.นี้ โดยขณะนี้ ศบค.ชุดเล็กกำลังประเมินสถานการณ์ว่า จะขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินไปอีกกี่เดือน เพื่อเสนอ ศบค.ชุดใหญ่ ซึ่งส่วนตัวมองว่า การขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่ควรจะนาน เบื้องต้นเห็นว่า ควรขยายตลอดเดือน มิย.นี้ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม ย้ำว่า การขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่เกี่ยวกับการออกมาตรการด้านสาธารณสุขเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ทั้งนี้ก็เพื่อให้ในบางพื้นที่บางจังหวัดเกิดการทำงานอย่างบูรณาการ