สทนช.แจง ครม.รับทราบผลงานตามแผนแม่บทฯน้ำ 20 ปี เพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนได้มากกว่า 1,100 ล้าน ลบ.ม. ระบบประปาเข้าถึง 3,000 หมู่บ้าน พัฒนาน้ำบาดาลได้กว่า 100 ล้าน ลบ.ม. เตรียมขับเคลื่อนโครงการขนาดเล็ก-แหล่งน้ำระดับชุมชน โครงการสำคัญ-โครงการพระราชดำริอีก 526 โครงการภายในปี’66 หวังเร่งเพิ่มน้ำต้นทุนอีก 3 พันล้าน ลบ.ม.
ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐนตรีมีมติรับทราบผลการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของรัฐบาลภายใต้แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) ตามที่ สทนช.เสนอ ซึ่งขับเคลื่อนผ่านกลไกคณะกรรมการทรัพยากรแห่งชาติ (กนช.) ซึ่งมี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โดยรองนายกฯ ได้ติดตามเร่งรัดเน้นย้ำให้ทุกหน่วยดำเนินการตามเป้าหมายของแผนแม่บทน้ำฯ เพื่อให้ทุกหมู่บ้านมีน้ำสะอาดเพื่อการอุปโภคบริโภค น้ำเพื่อการผลิตมั่นคง ความเสียหายจากอุทกภัยลดลง คุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน และบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน ภายใต้การพัฒนาอย่างสมดุล
โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ทั้งจาก 15 หน่วยงาน 9 กระทรวงใน กนช. คณะกรรรมการลุ่มน้ำ และคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัด ซึ่งจากผลการดำเนินงานตามแผนแม่บทฯ น้ำ ตั้งแต่ปี 2561ถึงปัจจุบัน พบว่า สามารถเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุน สร้างระบบส่งน้ำ ตลอดจนการปรับปรุงโครงการเดิมให้สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพแล้วจำนวน 125,162 โครงการ มีแหล่งเก็บกักน้ำได้เพิ่มขึ้น 1,138 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ประชาชนได้รับประโยชน์กว่า 2.27 ล้านครัวเรือน ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 2.38 ล้านไร่ เพิ่มประสิทธิภาพระบบประปาหมู่บ้านได้อีก 3,214 หมู่บ้าน พัฒนาน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรและสร้างธนาคารน้ำใต้ดินได้ปริมาณน้ำมากกว่า 100 ล้าน ลบ.ม. รวมทั้งยังได้ดำเนินการรักษาระบบนิเวศฟื้นฟูป่าต้นน้ำ จำนวน 135,170 ไร่ และดำเนินโครงการเกี่ยวกับการจัดการน้ำท่วม โดยสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง เพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำโดยปรับปรุงสิ่งกีดขวางทางน้ำอีก 110 แห่ง ปรับปรุงลำน้ำธรรมชาติ 223 แห่ง และจัดทำระบบป้องกันชุมชนเมือง 3 แห่ง
เลขาธิการ สทนช. กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า อีกหนี่งตัวชี้วัดความสำเร็จจากการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำโดยการบูรณาการร่วมกันของหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่งผลให้ในปี 2562/63 ไม่มีการประกาศภัยแล้งเลย ขณะที่ในช่วงฤดูฝนปี 2562 มีความเสียหายเพียง 94 ล้านบาท ต่ำสุดหลังอุทกภัยปี 2554 และในปี 2563 มีพื้นที่ประสบอุทกภัย 58 จังหวัด มูลค่าความเสียหาย 223 ล้านบาท ต่ำสุดเป็นลำดับที่ 3 ในรอบ 9 ปี
อย่างไรก็ตาม เป้าหมายที่จะดำเนินการต่อไป สทนช. จะเร่งบูรณาการหน่วยงานเพื่อขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายของแผนแม่บทฯน้ำ 20 ปี ที่ผ่านการพิจารณาของ กนช. ระหว่างปี 2559-2564 รวมทั้งสิ้นจำนวน 38 โครงการ ซึ่งหากดำเนินการแล้วเสร็จทั้งหมดจะสามารถเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักได้ 629 ล้าน ลบ.ม. เพิ่มพื้นที่ได้รับประโยชน์ได้ 1.4 ล้านไร่ มีครัวเรือนได้รับประโยชน์ 312,612 ครัวเรือน รวมถึงขับเคลื่อนโครงการขนาดเล็กและการจัดการแหล่งน้ำระดับชุมชน และโครงการที่จะขับเคลื่อนภายในปี 2566 อีก 526 โครงการ แบ่งเป็น โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 151 โครงการ โครงการขนาดใหญ่ หรือโครงการที่ต้องบูรณาการร่วมกันหลายหน่วยงาน รวมจำนวน 106 โครงการ และโครงการสำคัญที่สอดคล้องตามนโยบายการแก้ไขปัญหาด้านน้ำ รวม 269 โครงการ หากดำเนินการแล้วเสร็จจะสามารถเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนได้ 3,172 ล้าน ลบ.ม. พื้นที่รับประโยชน์เพิ่ม 6.5 ล้านไร่ และผันน้ำได้ปริมาณน้ำเพิ่ม 3,841 ล้าน ลบ.ม. รวมทั้งการป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่ได้เพิ่ม 4.3 ล้านไร่ และพัฒนาพื้นที่ลุ่มต่ำชะลอน้ำหลากได้อีกถึง 2,320 ล้าน ลบ.ม. เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายแผนแม่บทน้ำฯ 20 ปี ที่จะเกิดประโยชน์กับประชาชนในท้ายที่สุด