นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.การศึกษาสำคัญ 2 ฉบับ ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. …. และร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. …. ซึ่งเป็นการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ ให้การศึกษาเป็นเครื่องมือในการพัฒนากำลังคนให้มีคุณภาพ มีความสมบูรณ์ทั้งสติปัญญา ความรู้ และคุณธรรม
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญที่เน้นการปรับระบบการบริหารจัดการของกระทรวงศึกษาธิการ โดยเน้นความสำคัญด้านสถานศึกษาและครู ให้มีความเป็นอิสระและคล่องตัวของสถาบันการศึกษา เอื้อให้สามารถสร้างนวัตกรรมทางการศึกษาและจัดการการศึกษาได้อย่างมีคุณภาพ ปรับเปลี่ยนวิธีการเรียนการสอนเป็นการศึกษาเชิงรุก (Active Learning) เน้นให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะตามช่วงวัย ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเครื่องมือในการสนับสนุนการจัดการการศึกษา สร้างระบบนิเวศทางการศึกษาเป็นต้น
ขณะที่ ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. .... เป็นร่างกฎหมายขยายหลักการของร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. .... ในประเด็นของการส่งเสริมให้ประชาชนสามารถพัฒนาตนเองได้อย่างต่อเนื่องและตลอดชีวิต โดยมีสาระส่งเสริมการเรียนรู้ 3 ด้าน ได้แก่ การเรียนรู้ตลอดชีวิต การเรียนรู้เพื่อการพัฒนาตนเอง และการเรียนรู้เพื่อคุณวุฒิตามลำดับ โดยกำหนดให้กรมส่งเสริมการเรียนรู้เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบเพื่อการดำเนินการดังกล่าว ทั้งนี้ ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. .... ได้ยกสถานะสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (สำนักงาน กศน.) เป็นกรมส่งเสริมการเรียนรู้
ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. …. เป็นกฎหมายแม่บทในการบริหารและการจัดการศึกษาให้สอดคล้องกับแนวทางการบริหารและการจัดการศึกษาในอนาคต และร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. …. เป็นการดำเนินการตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ เป็นกฎหมายปฏิรูปการศึกษาที่มีความสอดคล้องกับหลักการยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 – 2580) รวมทั้งแผนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษาด้วย.