นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วยนายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย แถลงข่าวการเตรียมความพร้อมการเปิดภาคเรียนและแผนเผชิญเหตุกรณีป้องกันการแพร่ระบาดโรค covid-19 รอบใหม่ในสถานศึกษา โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ปกครองและนักเรียนในการเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 ในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ ว่าขณะนี้ได้เตรียมการเรียนการสอนไว้ 5 รูปแบบ ได้แก่ ON-SITE, ONLINE, ON-AIR, ON-DEMAND และ ON-HAND ซึ่งสถานศึกษาแต่ละแห่งจะใช้การจัดการเรียนการสอนในรูปแบบใดนั้น ต้องขึ้นอยู่กับความปลอดภัยของเด็กนักเรียนและผู้สอนเป็นสิ่งสำคัญ และสถานศึกษาจะต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ซึ่งหากสถานศึกษาใดต้องการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบ ON-SITE หรือเป็นการเรียนที่โรงเรียน จะต้องได้รับการอนุญาตจากผู้ว่าราชการจังหวัดและคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดในพื้นที่นั้นๆ รวมถึงยังมีการเตรียมแผนเผชิญเหตุกรณีหากเกิดขึ้นในสถานศึกษาร่วมกับการกระทรวงสาธารณสุข การติดตามจากการให้สถานศึกษา ครู นักเรียนและผู้ปกครองประเมินความเสี่ยงของตนเองก่อนเปิดภาคเรียนผ่านระบบไทยเซพไทยและไทยสต็อปโควิดพลัสของกรมอนามัย ทั้งนี้กระทรวงศึกษาธิการยังจัดศูนย์วอร์รูมให้เป็นศูนย์กลาง เพื่อติดตามผลการเรียนการสอนและรับฟังปัญหาจากทุกโรงเรียนในสังกัดและให้คำแนะนำ ควบคู่กับการเดินหน้าผลักดันวัคซีนให้กับบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาให้ครอบคลุมต่อไป
ด้านนายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบกรมอนามัย กล่าวว่า ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขพร้อมให้ความร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการมาโดยตลอด และให้ความสำคัญเรื่องของเด็ก เพราะการแพร่ระบาดช่วงที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ไม่ถึงร้อยละ 10 ส่วนใหญ่ไม่มีอาการและพบว่าส่วนใหญ่เป็นการติดเชื้อจากผู้ใกล้ชิดมากกว่าที่โรงเรียน โดยการระบาดระลอกใหม่ต้องยอมรับว่ารุนแรง แต่ไม่สามารถปิดการเรียนการสอนให้ยึดเยื้อได้ เพราะจะกระทบต่อพัฒนาการของเด็กนักเรียนในทุกมิติ จึงได้เตรียม 3 มาตรการเพื่อลดความเสี่ยง อาทิ การเตรียมคัดกรองผ่านแอพไทยเซพไทยและไทยสต็อปโควิดพลัส ที่ขณะนี้มีโรงเรียนเข้ามาทำแบบประเมินตนเองแล้ว 38,919 แห่งจากทั้งหมด 38,923 แห่ง โดยประเมินผ่านเกณฑ์แล้วถึงร้อยละ 91 นับเป็นการเตรียมความพร้อมที่ดีแล้ว ทั้งนี้ พร้อมเตรียมแผนเผชิญเหตุป้องกันการระบาดให้ดีที่สุดร่วมกับหน่วยงานที่กี่ยวข้อง เดินหน้าสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และการเร่งฉีดวัคซีน รวมถึงดำเนินการยกระดับความปลอดภัยมั่นใจสุขอนามัยไร้โควิด-19 ในสถานศึกษา นำร่องกลุ่มโรงเรียนที่มีเรือนพักนอนในสถานศึกษา 4 แห่งในแต่ละภาค เช่น เชียงใหม่ เพชรบุรี ศรีสะเกษและกระบี่ สำหรับกรณีสถานศึกษาในพื้นที่สีแดงเข้มยังคงต้องเรียนออนไลน์อยู่