ทส. สั่ง ทสจ. 76 จังหวัด เร่งจ้างพนักงานราชการเฉพาะกิจ 406 อัตราทั่วประเทศ ภายในสิงหานี้ เน้นช่วยเหลือผู้ว่างงานที่จบ ป.ตรี ตามนโยบายรัฐบาล ให้มีงานทำในช่วงวิกฤตโควิด-19
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปกท.ทส.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี ได้มีมติเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2564 เห็นชอบแนวทางการจัดสรรกรอบอัตรากำลัง และกลไกการบริหารจัดการพนักงานราชการเฉพาะกิจ และผลการจัดสรรกรอบอัตรากำลังพนักงานราชการเฉพาะกิจ จำนวน 10,000 อัตรา เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) นั้น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับการจัดสรรกรอบอัตรากำลัง จำนวน 406 อัตรา เพื่อจ้างงานพนักงานราชการเฉพาะกิจในส่วนภูมิภาคระดับจังหวัดทั่วประเทศ ทั้ง 76 จังหวัด โดยจะเป็นการจ้างงานในพื้นที่โดยตรงเพื่อให้เกิดการกระจายการจ้างงานลงสู่ระดับพื้นที่ ซึ่งแต่ละจังหวัดจะได้รับการจัดสรรกรอบอัตรากำลังตามแนวทางที่คณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ (คพร.) กำหนด นั่นคือ จังหวัดที่มีขนาดใหญ่ จำนวน 26 จังหวัด จะได้รับการจัดสรรกรอบอัตรากำลังจังหวัดละ 6 อัตรา จังหวัดที่มีขนาดกลาง จำนวน 22 จังหวัด จะได้รับการจัดสรรกรอบอัตรากำลังจังหวัดละ 5 อัตรา และจังหวัดที่มีขนาดเล็ก จำนวน 28 จังหวัด จะได้รับการจัดสรรกรอบอัตรากำลังจังหวัดละ 5 อัตราเช่นกัน
“ดังนั้น เพื่อเป็นการเร่งจ้างงานพนักงานราชการเฉพาะกิจให้ได้เร็วที่สุด และเป็นการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภาวะวิกฤตโควิด-19 ให้ได้มีงานทำตามนโยบายรัฐบาล ในวันนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงได้มีการประชุมชี้แจงการจัดสรรกรอบอัตรากำลังพนักงานราชการเฉพาะกิจ ผ่านระบบการประชุมทางไกล Video Conference ไปยังสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ทสจ.) ทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อทำความเข้าใจถึงแนวทางการดำเนินการสรรหาและเลือกสรรพนักงานราชการเฉพาะกิจของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกรอบระยะเวลาในการดำเนินการ เพื่อให้ทั้ง 76 จังหวัด สามารถดำเนินการจ้างพนักงานราชการเฉพาะกิจทั้ง 406 อัตรา ได้ทันภายในวันที่ 2 สิงหาคม 2564 นี้ เพื่อเป็นการเร่งบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนในช่วงเวลานี้” นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร กล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับลักษณะงานที่กระทรวงฯ กำหนดในการจ้างพนักงานราชการเฉพาะกิจในครั้งนี้ จะเป็นกลุ่มงานบริหารทั่วไป ที่เน้นให้มาปฏิบัติภารกิจที่จะมาช่วยเสริมศักยภาพการทำงานด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในระดับพื้นที่ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และสามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 1 ปี ตามระยะเวลาการจ้างงาน เช่น การรวบรวมและวิเคราะห์สถานการณ์ข้อมูลและสภาพปัญหาด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในระดับพื้นที่ การสนับสนุนและเร่งรัดการปฏิบัติงานในโครงการสำคัญของกระทรวงฯ เช่น คทช. การปลูกป่าและป้องกันไฟป่า การจัดการสิ่งแวดล้อมทั้งปัญหาขยะและน้ำเสีย ฝุ่นละอองขนาดเล็ก หมอกควัน ไฟป่า คุณภาพน้ำและอากาศ การจัดการทรัพยากรน้ำและน้ำบาดาล รวมถึงงานด้านพิบัติภัย โดยผู้ที่ได้รับการเลือกสรรจะต้องเป็นผู้ที่สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี และผ่านการเลือกสรรตามวิธีที่ประกาศของแต่ละจังหวัดกำหนด ซึ่งสามารถปรับให้เหมาะสมกับจำนวนผู้สมัครในแต่ละจังหวัดได้”
ทั้งนี้ ผู้ที่ผ่านการเลือกสรรจะได้รับการขึ้นบัญชีรายชื่อ ที่มีกำหนดอายุบัญชีไม่เกิน 1 ปี โดยไม่เกินวันที่ 30 กันยายน 2565 ซึ่งจะเป็นบัญชีสำหรับการบรรจุพนักงานราชการเฉพาะกิจเท่านั้น ส่วนผู้ที่ได้รับการเลือกสรรจะมีระยะเวลาของการทำสัญญาจ้างไม่เกิน 1 ปี หรือไม่เกินวันที่ 30 กันยายน 2564 และได้รับอัตราค่าตอบแทน 18,000 บาทต่อเดือน รวมถึงได้รับสิทธิประโยชน์ตามประกาศคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ เรื่อง สิทธิประโยชน์ของพนักงานราชการ พ.ศ. 2554 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยยกเว้นเฉพาะสิทธิการลาเพื่อไปอุปสมบท หรือประกอบพิธีฮัจญ์ ซึ่งกำหนดไว้ไม่เกิน 120 วัน เพื่อให้สอดคล้องกับระยะเวลาการจ้างงานที่กำหนดไว้ไม่เกิน 1 ปี