นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการเปิดประเทศ ภายใน 120 วัน และต้องทบทวนเรื่อง ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ หรือไม่ หลังพบตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นและกระจายไปทั่ว 12 จังหวัดภาคใต้ โดยนายอนุชา กล่าวว่า ในที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ได้หารือเรื่องดังกล่าว 3 เรื่อง คือ
1. การเปิดพื้นที่นำร่องในการรับนักท่องเที่ยว ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต รวมถึงเกาะสมุย เกาะพงัน และเกาะเต่า ใน จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นความตกลงร่วมกันระหว่างประชาชนและผู้ประกอบการในพื้นที่ โดยคำนึงถึงสถานการณ์โควิด-19 ทั้งความพร้อมด้านสาธารณสุข และการฉีดวัคซีน โดยจังหวัดจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
2. การเปิดพื้นที่อื่นๆ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะเป็นผู้พิจารณาเรื่องความต้องการของพื้นที่ ก่อนนำข้อสรุปมาที่ ศบค. ในการพิจารณา
3. การรับนักท่องเที่ยว จะดำเนินการตามมาตรฐานว่าผู้ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ต้องได้รับวัคซีนตามกำหนดของประเทศไทย 2 เข็ม หรือตามประเภทวัคซีน หรือตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด โดยจะต้องฉีดวัคฉีดโควิด-19 มาอย่างน้อยครบ 2 เข็มหรือ 1 เข็ม ตามที่มีการรับรองจากองค์การอนามัยโลก หรือ WHO ก่อน
อย่างไรก็ตามในแต่ละจังหวัดจะมีการจัดศูนย์ปฏิบัติการแพทย์และสาธารณสุขประจำจังหวัด เพื่อพิจารณาเรื่องต่างๆ กรณีมีผู้ติดเชื้อ หรือติดเชื้อกระจายหรือเพิ่มขึ้น
ขณะที่ข้อกังวัลว่าการเปิดประเทศอาจส่งต่อระบบการรักษาพยาบาลหากเกิดการระบาดในระลอกที่ 4 โดยอาจทำให้เชื้อไวรัสโควิด-19 กลายพันธ์ระบาดหนัก และประสิทธิภาพวัคซีนลดลง นายอนุชา กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้รับฟังเรื่องนี้ แต่ต้องรักษาสมดุลทั้งเรื่องเศรษฐกิจและสุขภาพของประชาชนจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงเป็นเหตุผลในการทำ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” หากเปิดนักท่องเที่ยวเข้ามาก็จะสามารถควบคุม ก่อนเปิดประเทศในจุดอื่นๆ
ส่วนเรื่องการขออนุญาตเรื่องการจัดหาวัคซีนของบริษัทเอกชน ทางกระทรวงมหาดไทยได้ชี้แจงในเรื่องดังกล่าวแล้ว ว่าองค์กรและภาครัฐ ที่ต้องการวัคซีนโควิด-19 ให้กับบุคลาการ สามารถแจ้งไปที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนั้นๆ ได้ ส่วนองค์กรขนาดใหญ่ที่มีบุคลากรหลายจังหวัด หรือองค์กรต่างชาติ หรือองค์กรระหว่างประเทศ ให้ทำหนังสือแจ้งความประสงค์มาที่อธิกรมควบคุมโรคเพื่อขอรับวัคซีนไปฉีดให้กับบุคลากรในสังกัด โดยหาสถานพยาบาลรองรับในการฉีดวัคซีนได้เอง
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้สั่งการที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เรื่องการเพิ่มเตียงรองรับผู้ป่วย โดยให้แต่ละจังหวัดพิจารณาเพิ่มเติม เช่น โรงพยาบาลสนาม ที่มีการรับผู้ป่วยในเกณฑ์สีเขียวให้เปลี่ยนเป็นสีเหลืองได้ หรือจากสีเหลืองให้เป็นสีแดงได้ คล้ายกับที่มีการเปิดโรงพยาบาลบุษราคัม ที่ จ.นนทบุรี รวมถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์อื่นๆ หากมีความจำเป็นขอให้เร่งดำเนินการแจ้งความประสงค์มา รัฐบาลพร้อมสนับสนุน
ทั้งนี้ เรื่องการเปิดเทอม หากพื้นที่ใดมีปัญหาให้ดำเนินการปิดชั่วคราวเพื่อประเมินสถานการณ์อีกครั้ง แต่หากพื้นที่ใดไม่มีปัญหาสามารถดำเนินการอย่างต่อเนื่องได้ จึงให้พิจารณาเป็นจุดๆ ไป.