นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้นำผู้นำครอบครัวคนไทยที่แต่งงานจดทะเบียนสมรสอยู่กินกับหญิงสาว สปป.ลาวในประเทศไทยมานับ 10 ปี โดยมีทายาทร่วมกันแล้วอายุกว่า 9 ขวบ มาร้องเรียนผู้ตรวจการแผ่นดินว่ากระทรวงสาธารณสุขเลือกปฏิบัติและไม่ได้รับความเป็นธรรม กรณีลงทะเบียนขอฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แต่ได้รับการปฏิเสธ
ทั้งนี้ ครอบครัวดังกล่าว มีถิ่นพำนักอยู่ในเมืองไทย มีบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย ซึ่งออกให้โดยกระทรวงมหาดไทย มีใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคล ซึ่งออกให้โดยกรมการขนส่งทางบกไทย มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในไทย มีใบทะเบียนสมรถออกให้โยผู้อำนวยการเขตหลักสี่ มีใบสูติบัตรของบุตรซึ่งออกให้โดยสำนักงานเขตบางนา มีหนังสือรับรองจากสถานเอกอัครราชทูต สปป.ลาว ประจำประเทศไทย ฯลฯ เพียงแต่ยังไม่ได้โอนสัญชาติจาก สปป.ลาว มาเป็นคนไทยเท่านั้น
ทั้งนี้จึงเป็นสงสัยว่า เหตุใดกระทรวงสาธารณสุข จึงปฏิเสธไม่ยอมให้ขึ้นทะเบียนฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับหญิง สปป.ลาว ดังกล่าว หรือว่าเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 เลือกที่จะติดเชื้อได้เฉพาะคนไทย คนต่างชาติที่มีถิ่นพำนักในประเทศไทย จะไม่ติดเชื้อหรืออย่างไร การที่รัฐบาลหรือกระทรวงสาธารณสุขมีแนวปฏิบัติหรือนโยบายปฏิเสธการฉีดวัคซีนให้คนที่ไม่ใช่สัญชาติไทยเช่นนั้น จึงเป็นที่ย้อนแย้งและน่าสงสัยเป็นอย่างมาก เพราะก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 4 มิย.ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขโดย รมว.ว่าการฯ พร้อมผู้บริหารกระทรวงฯ ยังได้ออกมาจัดแคมเปญฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาเข็มแรก ให้กับผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทยอยู่เลย หรือการจัดกิจกรรมดังกล่าวเป็นเพียงการสร้างภาพไปวัน ๆ เท่านั้น
ด้วยเหตุดังกล่าวสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงนำครอบครัวดังกล่าวมาร้องให้ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ตรวจสอบ กท.สาธารณสุขว่ามีลักษณะการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมสำหรับผู้ที่ถือสัญชาติต่างประเทศหรือไม่ อย่างไร และขอให้เสนอแนะไปหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ขจัดหรือระงับการกระทำดังกล่าวเสีย หรืองดเว้นการการปฏิบัติใด ๆ ที่ละเมิดสิทธิของประชาชนดังกล่าวเสีย และให้มีการกำหนดมาตรการที่ชัดเจนกรณีการฉีดวัคซีนให้กับชาวต่างประเทศที่มีถิ่นพำนักถาวรในประเทศไทยด้วย นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด