ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
การเมือง / การปกครอง ย้อนกลับ
“พิชัย” ชี้ “ประยุทธ์” เป็น “ผู้นำพิการทางความคิด” ล้มเหลวทุกด้านแล้ว
29 มิ.ย. 2564

“พิชัย” ชี้ “ประยุทธ์” เป็น “ผู้นำพิการทางความคิด” ล้มเหลวทุกด้านแล้ว ห่วงยิ่งบริหารประชาชนไม่ตายก็จนกันหมด จี้ ตอบคำถาม 6 ข้อ เรื่องแก้เศรษฐกิจ วัคซีน และ เยียวยา

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า ขณะนี้ไม่ว่ามองในด้านไหนก็พบว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว. กลาโหม และ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ได้ล้มเหลวในทุกด้านแล้ว ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจที่คนลำบากกันเลือดตาแทบกระเด็นและยังไม่เห็นหนทางแก้ไขของรัฐบาลเลย การจัดการวัคซีนที่ล้มเหลวซ้ำซากทั้งที่รู้ปัญหามาหลายเดือนแล้ว แต่ไม่ได้แก้ไขหรือแก้ไขไม่เป็น การควบคุมการระบาดของไวรัสที่ทำท่าจะบานปลาย คนติดเชื้อทะลุวันละกว่า 5 พันคนแล้ว คนตายวันละครึ่งร้อย และยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอีก โดยล่าสุดการสั่งจำกัดการดำเนินการทางเศรษฐกิจแบบเข้มงวดที่อ้างว่าไม่ใช่ล็อกดาวน์แต่ผลกระทบไม่ต่างจากการล็อกดาวน์ โดยสั่งปิดตอนตีหนึ่ง โดยไม่ได้แจ้งให้ประชาชนเตรียมการไว้เลย ได้สร้างความลำบากเพิ่มเติมให้กับประชาชนอย่างมาก พร้อมทั้งมีการปิดแคมป์คนงานทำให้คนงานที่อาจจะติดเชื้อไวรัสโควิดแล้วได้เดินทางออกจากพื้นที่กลับไปต่างจังหวัด ตามแนวทางที่ รมว. มหาดไทยยอมรับเอง ซึ่งเป็นการแพร่เชื้อไวรัสออกสู่ต่างจังหวัดใช่หรือไม่ และปรากฏว่ามีการแพร่เชื้อไวรัสกันไปในต่างจังหวัดแล้ว

นอกจากนี้การเยียวยาที่ออกมายังล้มเหลวทั้ง “ยิ่งใช้ยิ่งได้” ที่มีคนเข้าไปสมัครน้อยมาก และแม้กระทั่ง “คนละครึ่ง” ที่คนเคยแย่งกันลงทะเบียน แต่กลับมีเหลือเป็นจำนวนมาก เป็นต้น แสดงให้เห็นถึงนโยบายเยียวยาที่ไม่ตรงกับความต้องการของประชาชน ทั้งหมดนี้อาจจะเรียกได้ว่าพลเอกประยุทธ์  กลายเป็น ”ผู้นำพิการทางความคิด” ไปแล้ว เพราะคิดอะไรมาก็ล้มเหลวหมด ยิ่งทำยิ่งเจ๊ง คิดอะไรก็ผิดพลาดไปหมด เหมือนเป็นผู้นำที่ดวงตก ทำอะไรก็แย่ไปหมด ยิ่งบริหาร ประชาชนไม่ตายก็จนกันหมด แถมยังหัวเราะรื่น และ ชู 2 นิ้ว ในขณะที่ประชาชนกำลังเดือดร้อนกันอย่างแสนสาหัส อีกทั้งพลเอกประยุทธ์ ยังทำให้คำว่า “นะจ๊ะ” ที่พลเอกประยุทธ์ ใช้พูดจนติดปากกลายเป็นคำที่น่ารังเกียจของคนไทยส่วนใหญ่ไปแล้ว

ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าพลเอกประยุทธ์ ไม่ได้มีการวางแผนล่วงหน้าเพื่อรองรับปัญหาในอนาคตเลย คิดได้แต่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า คิดอะไรล่วงหน้าไม่เป็น อีกทั้งพอมีคนเตือน คนแนะนำ แทนที่จะนำไปพิจารณาเพื่อปรับปรุงแก้ไข กลับส่งคนไม่มีต้นทุนออกมาตอบโต้แบบไร้สติ ขาดองค์ความรู้ เท่ากับเป็นการปิดกั้นการพัฒนาทางความคิดของตัวเอง ค้ำคอตัวเองไม่ให้คิดในทางที่ถูกต้อง ดังนั้นจึงอยากตั้งคำถาม 6 ข้อให้พลเอกประยุทธ์ ได้ตอบเผื่อจะนำไปคิดเองได้บ้าง ทั้งเรื่องวัคซีน การล็อกดาวน์ การเยียวยา และเรื่องการควบคุมการระบาด ตลอดจนการแก้ปัญหาเศรษฐกิจดังนี้

1. การสั่งปิดอย่างเข้มงวด ทำไมถึงไม่แจ้งประชาชนล่วงหน้า เพื่อประชาชนจะเตรียมตัวรับมือ เช่น ร้านอาหารจะได้ไม่ต้องซื้ออาหารมาสำรอง ทำให้ร้านอาหารเสียหายกันอย่างมาก เป็นต้น ทั้งที่รัฐบาลเคยมีประสบการณ์มาก่อนแล้ว

2. การเยียวยาในโครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” ที่คนเข้าร่วมโครงการน้อยมากแค่ 4 แสนคนจากยอดโครงการ 4 ล้านราย และ แม้กระทั่ง คนละครึ่ง ที่ในอดีตแย่งกันลงทะเบียน แต่ปัจจุบันกลับมีเหลือเป็นล้านราย ซึ่งแสดงว่าไม่ประสบความสำเร็จ ทำไมถึงยังจะดื้อทำต่อ ทำไมไม่นำเงินที่เหลือดังกล่าวมาช่วยเหลือประชาชนในด้านอื่นจะดีกว่าหรือไม่ และควรจะต้องคิดการเยียวยาแบบอื่นได้แล้วใช่หรือไม่

3. การปล่อยกู้ดอกเบี้ย 0% ตามที่ได้ประกาศ ได้มีการดำเนินการไปถึงไหนแล้ว มีธุรกิจใดได้แล้วบ้าง จะมีการกระจายให้ทั่วถึงได้อย่างไร จริงๆถ้ารัฐบาลร่วมมือกับแบงก์ชาติ โดยรัฐบาลสนับสนุนเฉพาะส่วนต่างของดอกเบี้ย รัฐบาลจะสามารถช่วยได้ในวงกว้างใช่หรือไม่ เพราะจะใช้เงินไม่มากแต่ได้วงเงินช่วยเหลือสูง และยังจะช่วยคงการจ้างงานได้ด้วย

4. พลเอกประยุทธ์ จะเปิดประเทศได้ใน 120 วัน ตามที่ประกาศไว้ได้หรือไม่ ถ้าทำไม่ได้แล้ว ก็ควรกำหนดวันใหม่ที่แน่นอน  ทั้งนี้เพราะโรงแรมในสถานที่ท่องเที่ยวและธุรกิจต่างๆ จะต้องเตรียมการเปิดรับการจองห้องพักล่วงหน้า และเปิดรับธุรกิจต่อเนื่องต่างๆ   มิเช่นนั้นแม้จะเปิดประเทศก็จะไม่มีใครมา แต่ทั้งนี้หากประกาศรับจองแล้ว แต่เปิดประเทศไม่ได้ ก็จะยิ่งเสียหายซ้ำซ้อนอีกได้

5. วัคซีนจะสามารถมีพร้อมได้เมื่อไหร่ และจะฉีดได้ทันไหม รวมถึงจะมีวัคซีนทางเลือกเมื่อไหร่ เป็นคำถามที่ถามกันมาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว แต่ไม่มีคำตอบ และที่สำคัญวัคซีนที่จะนำมากระจายการฉีดมากๆ จะสามารถป้องกันไวรัสที่กลายพันธุ์ได้หรือไม่ โดยเฉพาะสายพันธุ์เดลต้าจากอินเดียที่คาดกันว่าจะระบาดกันอย่างมาก ถ้าป้องกันไม่ได้ ถึงแม้จะฉีดครบจะเปิดประเทศได้หรือ ทำไมไม่สั่งวัคซีนไฟเซอร์หรือโมเดอร์นาให้เข้ามามากๆ เป็น 50-60 ล้านโดสที่จะสามารถป้องกันได้ดีกว่า ตามที่ชมรมแพทย์ชนบทเรียกร้อง หรือจะต้องรอให้ล้มเหลวก่อนจึงจะคิดสั่งเข้ามาเพื่อแก้ไขแต่อาจจะต้องรอคิวอีกนานต่อไปอีก 

6. ถ้าเปิดประเทศไม่ได้ เศรษฐกิจไทยจะทรุดต่อไปอีกนาน พลเอกประยุทธ์ มีแผนงานจะทำอย่างไรต่อไป เพื่อบรรเทาปัญหาเศรษฐกิจ ทั้งนี้เพราะหนี้สาธารณะที่รัฐบาลก่อไว้จะเกินทะลุเพดานแล้ว แต่ปัญหายังคงเหมือนเดิมที่รัฐบาลยังไม่ได้แก้ไขให้ถูกจุด เท่ากับที่ผ่านมาพลเอกประยุทธ์ ได้ใช้เงินจำนวนมากไปแบบสูญเปล่าใช่หรือไม่

นี่เป็นคำถามตามสามัญสำนึกที่ผู้นำที่คิดถึงประชาชนต้องมี แต่ดูเหมือนพลเอกประยุทธ์ กลับไม่มีความคิดเหล่านี้เลย ซึ่งเป็น ”ผู้นำพิการทางความคิด” อย่างเห็นได้ชัด หากยังปล่อยให้บริหารต่อไป ประเทศก็จะยิ่งเสียหาย ประชาชนก็จะยิ่งลำบากเหมือนกับตกนรกกันหมด ซึ่งหากพลเอกประยุทธ์ จะสำนึกได้ก็ควรจะต้องออกไปได้แล้ว ถ้ายังเห็นแก่ประโยชน์ของประเทศอย่างแท้จริง

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 พฤศจิกายน 2567
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
12 ก.ย. 2567
กล่าวได้ว่าบทบาทของตำรวจไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน หลายท่านหลายคน หลังจากผ่านความเหน็ดเหนื่อย ความยากลำบากในการผดุงความยุติธรรม ไล่จับคนร้ายทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กมาตลอดชีวิตราชการ เห็นความทุกข์ยาองประชาชน เห็นปัญหาของสังคมในทุกแง่มุม อดไม่ได้ที่หลังเกษียณจะก้าวเข้าส...