นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ รองอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวว่า เดิมห้องปฏิบัติการตรวจสอบคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงตั้งอยู่ที่สนามบินน้ำ ซึ่งเป็นสถานที่ของกระทรวงพาณิชย์ จึงมีข้อจำกัดในการที่จะดำเนินการปรับปรุงหรือขยายห้องปฏิบัติการใดๆ ประกอบกับกระทรวงพาณิชย์ต้องการพื้นที่คืนเพื่อนำไปขยายการดำเนินงานของกระทรวงพาณิชย์
กระทรวงพลังงานโดยกรมธุรกิจพลังงาน จึงได้ดำเนินการหาพื้นที่เพื่อจัดตั้งศูนย์ตรวจสอบคุณภาพเชื้อเพลิงแห่งใหม่ โดยได้รับความอนุเคราะห์พื้นที่จากกรมธนารักษ์ กว่า 71 ไร่ เพื่อใช้เป็นที่ตั้งศูนย์ตรวจสอบคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิง และสถาบันพัฒนาเทคนิคพลังงาน
"ศูนย์ตรวจสอบคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงแห่งใหม่นี้ ได้ใช้งบประมาณในการก่อสร้างอาคาร และวางระบบห้องปฏิบัติการ เป็นเงินประมาณ 100 ล้านบาท และได้มีการย้ายอุปกรณ์ เครื่องมือที่ใช้ตรวจสอบคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงมาจากห้องปฏิบัติการเดิม และได้เปิดปฏิบัติงานมาตั้งแต่เดือน กันยายน 2559 เป็นต้นมา
ในศูนย์จะประกอบด้วยเครื่องมือการตรวจสอบที่ทันสมัย เป็นไปตามมาตรฐานสากล อย่าง ASTM/ISO/EN
สำหรับเครื่องมือและอุปกรณ์ ในการทดสอบและตรวจสอบ บางเครื่องมีราคาสูงกว่า 30 ล้านบาท ล้วนเป็นเครื่องมือที่ทันสมัย ดังนั้น จึงเชื่อมั่นได้ว่า ผลการตรวจสอบคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิง จะมีความถูกต้อง มีประสิทธิภาพ ความแม่นยำสูง
นอกจากการปฏิบัติงานตรวจสอบคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงของกรมธุรกิจพลังงานแล้ว ยังได้ให้บริการแก่หน่วยงานภาครัฐอื่นๆ ที่ร้องขอเช่น กรมศุลกากร, ปนม. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ทั้งนี้ตั้งแต่เปิดศูนย์มา มีการตรวจสอบแล้วจำนวน 80 รายการ และตรวจพบน้ำมันที่มีคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐานจำนวน 2 รายการ ซึ่งได้ดำเนินการทางกฎหมายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตาม หากผู้บริโภคพบว่าผู้ค้าน้ำมันรายใดจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงไม่ได้คุณภาพอันเป็นเหตุทำให้เครื่องยนต์เสียหาย ขอให้แจ้งกรมธุรกิจพลังงานทันที โดยระบุรายละเอียดเกี่ยวกับชื่อ ที่ตั้งของสถานีบริการ และชนิดน้ำมันเชื้อเพลิง หรือข้อมูลอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่อย่างทันท่วงที