เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548(ฉบับที่ 26) เพื่อเป็นข้อกำหนดและข้อปฏิบัติแก่ส่วนราชการ โดยมีข้อความระบุว่าการกำหนดผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเพิ่มเติม ซึ่งผู้ที่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรในพื้นที่ที่กำหนดให้เป็นจังหวัดนำร่องด้านการท่องเที่ยวเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจการท่องเที่ยวหรือกิจกรรมอื่นตามนโยบายของรัฐบาล และมาตรการการป้องกันโรคสำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรการกำหนดพื้นที่จังหวัดนำร่องด้านการท่องเที่ยวเงื่อนไขเงื่อนเวลาการจัดระบบหลักเกณฑ์และมาตรการป้องกันโรค
นอกจากนี้ราชกิจจานุเบกษายังเผยแพร่คำสั่งศบค.ที่ 7 / 2564 เรื่องแนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 11)โดยมีข้อความระบุว่าเพื่อให้การปฎิบัติงานของผู้ที่รับผิดชอบและเจ้าหน้าที่ดำเนินการเป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งจะต้องมีการตรวจหาเชื้อโควิดเมื่อเดินทางมาถึงราชอาณาจักร ซึ่งผู้เดินทางจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง และจะต้องมีใบรับรองแพทย์ยืนยันว่าผู้เดินทางไม่ติดเชื้อโควิด โดยมีระยะเวลาไม่เกิน 27 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง รวมถึงห้ามเดินทางออกนอกโรงแรมหรือสถานที่พักจนกว่าจะมีผลตรวจยืนยันว่าไม่ติดเชื้อ โควิด-19 และจะต้องได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ที่ผู้ผลิตวัคซีนกำหนดซึ่งเป็นวัคซีนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนตามกฏหมายและรับรองจากองค์การอนามัยโลกเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 14 วัน เป็นต้น ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.เป็นต้นไป