นายพงษ์ชัย อมตานนท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (FSMART) เปิดเผยว่า บริษัทได้ยกระดับความร่วมมือกับธนาคารกสิกรไทย โดยจะเปิดให้บริการถอนเงินสด (Mini ATM) ผ่าน “ตู้บุญเติม” ได้ จากก่อนหน้าประชาชนสามารถทำธุรกรรมด้านการเงินที่ “ตู้บุญเติม” จากการเป็นตัวแทนธนาคาร (แบงก์กิ้ง เอเย่นต์) เพียงการฝากเงิน/โอนเงิน และยืนยันตัวตนในการเปิดบัญชีธนาคารเท่านั้น ซึ่งการเปิดให้บริการถอนเงินสดได้ จะทำให้ “บุญเติม” เป็นตู้อัตโนมัติ ที่ให้บริการทางการเงินได้อย่างครบวงจรและสนับสนุนให้ “ตู้บุญเติม” บรรลุเป้าหมาย เสมือนเป็นสาขาธนาคารในชุมชนอย่างแท้จริง เพราะจะทำให้ประชาชนสามารถทำธุรกรรมทางการเงินที่ “ตู้บุญเติม” ได้จบครบวงจร ภายในตู้เดียว ทั้งฝาก/โอน/ถอนเงินสด และยืนยันตัวตนในการเปิดบัญชีธนาคารและในอนาคตจะเปิดให้บริการขอสินเชื่อบุคคลผ่านตู้บุญเติมด้วย ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้ง่ายและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องเดินทางไปที่สาขาหรือตู้เอทีเอ็มของธนาคาร
นายพงษ์ชัยกล่าวว่า ทั้งนี้ การถอนเงินสดผ่าน “ตู้บุญเติม” เป็นการถอนเงินโดยไม่ต้องใช้บัตร โดยลูกค้าเพียงกดทำรายการเลือกบัญชีที่ใช้ถอนเงินและจำนวนเงินที่ต้องการได้บน K PLUS จากนั้นใช้ K PLUS นำมาสแกน QR Code บน “ตู้บุญเติม” เพื่อรับเงินสดที่ถอน โดยสามารถถอนได้ต่ำสุดตั้งแต่ 20 บาท สูงสุดครั้งละไม่เกิน 3,000 บาท หรือ 20,000 บาท/วัน และสามารถถอนได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง โดยการถอนเงินที่ “ตู้บุญเติม” มีความปลอดภัยมาตรฐานเดียวกับการถอนเงินที่ K-ATM และในอนาคต FSMART จะขยายความร่วมมือในการให้บริการถอนเงินสดผ่าน “ตู้บุญเติม” กับธนาคารพันธมิตรอื่นๆ อีก 5 ธนาคารที่เหลือ รวมทั้งจะเพิ่มจำนวนธนาคารที่ “บุญเติม” จะเข้าไปเป็นแบงก์กิ้ง เอเย่นต์ อีก 1-2 ธนาคาร ในระยะเริ่มต้นเฟสแรก การถอนเงินสดผ่าน “ตู้บุญเติม” เป็นการถอนเงินโดยไม่ต้องใช้บัตรผ่าน Mobile Application จากนั้นเฟสถัดไปจะรองรับการถอนเงินโดยใช้บัตรประชาชนหรือบัตรเดบิต เพื่ออำนวยความสะดวกกับลูกค้าที่ไม่ได้ใช้งาน Mobile Application และประเมินว่าการทำธุรกรรมถอนเงินสดผ่าน Mini ATM ของบุญเติมยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก แม้ตลาดจะมีแนวโน้มการใช้บริการอีเพย์เมนท์มากขึ้น แต่จำนวนธุรกรรมการถอนเงินสดผ่านตู้ ATM ในระบบธนาคารปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 180 ล้านรายการต่อเดือน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับปริมาณเงินสดหมุนเวียนในประเทศ ดังนั้น หากลูกค้ามาใช้บริการถอนเงินสดที่ Mini ATM ของบุญเติมเพียงแค่ 1% เท่านั้น ซึ่งจะเท่ากับ 1.8-2 ล้านรายการต่อเดือน ซึ่งส่วนแบ่งดังกล่าวมีโอกาสเป็นไปได้สูง เทียบกับบริการรับฝากเงินที่ “ตู้บุญเติม” ซึ่งปัจจุบันมีการทำธุรกรรม 2 ล้านรายการต่อเดือน หรือราว 10% ของการฝากเงินผ่านตู้อัตโนมัติ CDM ของระบบธนาคาร ที่มีการใช้บริการอยู่ 20 ล้านรายการต่อเดือน
“คาดว่าจะมีธุรกรรมถอนเงินสดจาก “ตู้บุญเติม” ราว 2 ล้านรายการต่อเดือน ซึ่งเป็นระดับใกล้เคียง กับการทำธุรกรรมฝากเงินและโอนเงินที่ “ตู้บุญเติม” ในปัจจุบัน แต่จากการศึกษาข้อมูล สถิติการทำธุรกรรม ผ่านตู้เอทีเอ็มของธนาคารต่างๆ ในปัจจุบัน พบว่าการถอนเงินสดผ่านตู้เอทีเอ็มจะมีปริมาณมากกว่าการฝากเงิน ถึง 8 เท่า ดังนั้นการที่บริษัทรุกเข้าไปพัฒนาและเป็นตัวแทนธนาคาร ให้บริการถอนเงินสดผ่าน “ตู้บุญเติม” ในครั้งนี้ ทำให้แนวโน้มปริมาณการทำธุรกรรมผ่าน “ตู้บุญเติม” มีโอกาสเพิ่มขึ้นได้อย่างมาก โดยในระยะเริ่มต้น คาดว่าจะมี “ตู้บุญเติม” ที่ให้บริการธุรกรรมถอนเงินสดได้ราว 200 ตู้ และจะทยอยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยมีเป้าหมาย จะเพิ่มขึ้นเป็น 10,000 ตู้ให้เร็วที่สุด โดยจะเลือก “ตู้บุญเติม” ที่มีจำนวนหรือยอดผู้เข้ามาใช้บริการฝากเงิน/โอนเงินจำนวนสูงสุดก่อน เพื่อเป็นฐานเริ่มต้นในการเปิดให้บริการถอนเงินสด รวมทั้งพื้นที่ห่างไกล ที่ไม่มีธนาคาร หรือตู้ ATM ซึ่งคาดว่าจะช่วยทำให้ปริมาณธุรกรรมทางการเงินเติบโตปีละ 30%ในช่วง 2-3 ปีนี้ ได้ตามแผนอย่างต่อเนื่องแน่นอน” นายพงษ์ชัย กล่าว
ด้าน นายณรงค์ศักดิ์ เลิศทรัพย์ทวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (FSMART) กล่าวเพิ่มเติมว่า ความร่วมมือที่เกิดขึ้นกับธนาคารกสิกรไทย ในการถอนเงินสดผ่าน “ตู้บุญเติม” นี้ จะสนับสนุนให้ธุรกิจแบงก์กิ้ง เอเย่นต์ บริการทางการเงินและสินเชื่อครบวงจรของบริษัทมีการเติบโตได้อีกมาก ซึ่งจะทำให้รายได้รวมของบริษัทเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เพราะสามารถให้บริการทางการเงินได้อย่างครบครัน ทั้งนี้ บริษัทได้วางเป้าหมายการเติบโตทางธุรกิจไว้อย่างชัดเจน โดยช่วง 3-5 ปี นับจากนี้ ธุรกิจการเงินครบวงจรและคาเฟ่อัตโนมัติภายใต้แบรนด์ “เต่าบิน” จะเป็น New S-Curve หรือแหล่งรายได้ใหม่ที่สำคัญที่จะสนับสนุนให้บริษัทเติบโต อย่างก้าวกระโดด โดยตั้งเป้าให้มีการยอดการทำธุรกรรมผ่าน “ตู้บุญเติม” เติบโตปีละประมาณ 20% โดยสัดส่วนรายได้ จากธุรกิจการเงินครบวงจรจะเพิ่มเป็น 50% จากปัจจุบันที่อยู่ 20% และคาดว่าสิ้นปี 2564 จะขยับขึ้นมาอยู่ที่ 30%
“นับตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2564 เป็นต้นไป จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญของธุรกิจการเงินครบวงจรเนื่องจากบริษัทได้เปิดตัวพันธมิตรธุรกิจใหม่ เพื่อช่วยเพิ่มช่องทางหรือจุดให้บริการและได้ขยายฐานลูกค้าและบริการใหม่ๆ ให้ “บุญเติม” เพิ่มขึ้น นอกจากนี้จะเพิ่มจำนวนธนาคาร ที่ “บุญเติม”จะเป็นแบงก์กิ้ง เอเย่นต์ ตัวแทนธนาคารให้อีก 1-2 แห่ง รวมถึง ล่าสุดคือการยกระดับความร่วมมือกับธนาคารกสิกรไทย ในการเพิ่มบริการถอนเงินสด (Mini ATM) ในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวที่สำคัญของบริษัท ที่คาดว่าธุรกรรมต่างๆ จะเกิดขึ้นได้ในครึ่งปีหลัง ทำให้ธนาคารบรรลุเป้าหมายในการเป็น “ธนาคารชุมชน” ได้อย่างสมบูรณ์” นายณรงค์ศักดิ์ กล่าว