พพ. เผยผลการประกวด Thailand Energy Awards ประจำปี 2020 สุดยอดรางวัลด้านพลังงานไทยระดับสากล มีผลงานส่งเข้าประกวดมากถึง 325 ผลงาน และมีผู้ได้รับรางวัล 85 ราย เกิดความคุ้มค่าทั้งด้านอนุรักษ์พลังงานและด้านพลังงานทดแทนคิดเป็นมูลค่ากว่า 3,300 ล้านบาทช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 48 ล้านตันต่อปี
ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กล่าวว่า “พพ. ได้จัดประกวด Thailand Energy Awards มาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 21 ปี เพื่อยกย่องชื่นชมผู้มีผลงานโดดเด่นและส่งเสริมให้เกิดการตื่นตัวในการอนุรักษ์พลังงานและการใช้พลังงานทดแทนด้วยความสมัครใจ โดยการประกวดปี 2020 มีผู้ส่งผลงาน 325 ราย ผ่านการคัดเลือกได้รับรางวัลทั้งหมด 85 ราย แบ่งเป็น ด้านพลังงานทดแทน 27 รางวัล ด้านอนุรักษ์พลังงาน 30 รางวัล ด้านพลังงานสร้างสรรค์ 5 รางวัล ด้านบุคลากร 14 รางวัล และด้านผู้ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน 9 รางวัล ซึ่ง พพ. ได้คัดเลือกผลงานที่มีความโดดเด่นเป็นผู้แทนประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมประกวด ASEAN Energy Awards 2020 รวมทั้งสิ้น 28 ผลงาน คว้ารางวัลมาได้มากถึง 25 รางวัล ส่งผลให้ประเทศไทยยังคงเป็นอันดับ 1 ในเวทีการประกวดพลังงานอาเซียนต่อเนื่องกันถึง 11 ปี”
“สำหรับการประกวดฯ ปี 2020 ผู้ส่งผลงานด้านอนุรักษ์พลังงาน ได้นำมาตรการต่างๆ อาทิ การปรับเปลี่ยนอุปกรณ์เพื่อการอนุรักษ์พลังงานในระบบปรับอากาศและแสงสว่าง ปรับปรุงกระบวนการผลิต รวมถึงคิดค้นพัฒนาและผลิตเทคโนโลยีเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน และนำระบบ IoT มาบริหารการใช้พลังงาน เป็นต้น สามารถคิดเป็นผลประหยัดพลังงานรวม 53.45 ktoe ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ได้ถึง 0.188 ล้านตัน คิดเป็นจำนวนเงินรวมที่ประหยัดได้มากถึง 795.65 ล้านบาท ส่วนด้านพลังงานทดแทน ก็มีการใช้พลังงานสะอาดเพื่อทดแทนเชื้อเพลิงจากฟอสซิล การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ การผลิตก๊าซชีวภาพ Solid Organic Waste ทดแทนการใช้แก๊ส LPG และการผลิตไฟฟ้าจากชีวมวลชานอ้อย เป็นต้น ทำให้ลดการใช้พลังงานเทียบเท่าการใช้ปริมาณพลังงานที่ได้จากการเผาน้ำมันดิบลงได้ 626.67 ktoe ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ได้ถึง 47.58 ล้านตัน คิดเป็นจำนวนรายได้/ผลประหยัดสุทธิได้ถึง 2,568.49 ล้านบาท” ดร.ประเสริฐ กล่าว
โครงการ Thailand Energy Awards เป็นความร่วมมือของผู้ประกอบการทุกภาคส่วนในการพัฒนาพลังงานทดแทนและการใช้พลังงานของประเทศให้มีประสิทธิภาพ ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อนำไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) และความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งสนับสนุนเป้าหมายของประเทศที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ร้อยละ 20-25 หรือจำนวน 111-139 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ภายในปี 2573