นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า มาตรการลดภาระค่าครองชีพและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบ COVID-19 ซึ่งประกอบด้วย โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐระยะที่ 3 และโครงการ
เพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ได้เปิดให้ประชาชนใช้จ่ายวันแรกเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 โดยข้อมูล ณ วันที่ 8 กรกฎาคม 2564 มีผู้ใช้สิทธิทุกโครงการสะสมรวมกว่า 29.2 ล้านราย และมียอดใช้จ่ายสะสมรวมทั้งหมด 16,447.5 ล้านบาท โดยสรุปผลการใช้จ่ายได้ ดังนี้
1. โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 มีผู้ใช้สิทธิสะสมจำนวน 17.5 ล้านราย โดยมียอดการใช้จ่ายสะสมรวม 13,962.5 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่ายสะสม 7,050.5 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่ายสะสม 6,912 ล้านบาท
2. โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ มีผู้ใช้สิทธิสะสมจำนวน 32,689 ราย โดยเป็นยอดการใช้จ่ายสะสมรวม 176.3 ล้านบาท
3. โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 3 มีผู้ใช้สิทธิสะสมจำนวน 11.2 ล้านราย มียอดการใช้จ่ายรวม 2,211.6 ล้านบาท
4. โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ มีผู้ใช้สิทธิสะสมจำนวน 496,929 ราย มียอดการใช้จ่ายสะสมรวม 97.1 ล้านบาท
โฆษกกระทรวงการคลังได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในส่วนของข้อเสนอการปรับปรุงรายละเอียดโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ทั้งการขยายระยะเวลาการใช้จ่ายของประชาชนที่จะได้รับ e - Voucher จากเดิมที่สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564 เป็นสิ้นสุดวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 และการเพิ่มวงเงินใช้จ่ายที่จะนำมาคำนวณสิทธิ e-Voucher ต่อวัน เป็น 10,000 บาทต่อวันต่อคน ซึ่งเดิมคาดว่าจะเริ่มต้นได้ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2564 จะเลื่อนออกไปก่อน โดยกระทรวงการคลังจะแจ้งให้ทราบต่อไปหลังจากคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบการปรับปรุงดังกล่าวแล้ว
ทั้งนี้ ประชาชนสามารถใช้จ่ายในโครงการต่าง ๆ ได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 โดยสามารถตรวจสอบร้านค้าที่เข้าร่วมแต่ละโครงการได้ที่ www.คนละครึ่ง.com หรือ www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com