สนพ.เผยราคาน้ำมันดิบชะลอตัวลง หลังซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เจรจาข้อตกลงปรับเพิ่มระดับการผลิตน้ำมันดิบ ด้านราคา Spot LNG ปรับตัวลดลง จากความผันผวนของราคาก๊าซธรรมชาติในภูมิภาคยุโรป
นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบว่า ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มชะลอตัวลง หลังตลาดคลายความกังวลเรื่องอุปทานน้ำมันดิบตึงตัว จากซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) สามารถเจรจาข้อตกลงเบื้องต้นในการปรับเพิ่มระดับการผลิตน้ำมันดิบอ้างอิง (baseline production) ของ UAE อย่างไรก็ตามซาอุฯ และ UAE ยังไม่มีการนัดวันประชุมกับสมาชิกชาติอื่นในกลุ่มโอเปกพลัสเพื่อหารือเกี่ยวกับนโยบายการเพิ่มกำลังการผลิตของกลุ่มอย่างเป็นทางการ กอปรกับตลาดยังคงกังวลต่อการฟื้นตัวของอุปสงค์ในภูมิภาคเอเชีย หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อยังคงปรับเพิ่มสูงขึ้นในหลายพื้นที่ โดยกรุงโตเกียวได้กลับมาดำเนินมาตรการที่เกี่ยวข้องกับโรคระบาดก่อนเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน ขณะที่อินโดนีเซียประกาศขยายพื้นที่ล็อกดาวน์ ส่วนมาเลเซีย ไทยและเกาหลีใต้ได้มีการประกาศมาตรการเข้มงวดทางสังคมเพื่อลดการแพร่ระบาด อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันยังคงผันผวนและได้รับแรงหนุนหลังสำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์ว่าความต้องการน้ำมันทั่วโลกมีทิศทางปรับตัวสูงขึ้นตลอดช่วงระยะเวลา เนื่องจากอัตราการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้น การผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคไวรัสโควิด-19 และคาดการณ์อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลกอาจดีขึ้น
ในภาพรวมสถานการณ์ราคาน้ำมันโลก (วันที่ 12 - 18 กรกฎาคม 2564) ราคาน้ำมันดิบดูไบและเวสต์เท็กซัส เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 73.39 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และ 73.19 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล โดยทรงตัวจากสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งนี้นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของอุปทานน้ำมันดิบ จากการบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นระหว่างซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในการปรับเพิ่มกำลังการผลิต อย่างไรก็ตามทางกลุ่มโอเปกพลัสจะจัดประชุมอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
อีกทั้งตลาดยังคงกังวลต่อการฟื้นตัวของอุปสงค์ในภูมิภาคเอเชีย หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากสายพันธุ์เดลตา ยังคงปรับเพิ่มสูงขึ้นในหลายพื้นที่ ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันยังถูกกดดันจากจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ล่าสุดนครลอสแอนเจลิสได้กลับมาใช้มาตรการบังคับสวมหน้ากากอนามัยภายในอาคารอีกครั้ง มีผลบังคับใช้วันที่ 17 กรกฎาคม 2564 หลังจากมีผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่ประเทศออสเตรเลียประกาศขยายเวลาล็อกดาวน์ในเมืองซิดนีย์อีก 14 วัน หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มสูงขึ้นแม้ว่าจะมีการใช้มาตรการล็อกดาวน์ระดับสูงสุดแล้วก็ตาม
ราคากลางน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดภูมิภาคเอเชีย โดยราคาน้ำมันเบนซิน: ราคาน้ำมันเบนซินออกเทน 95, 92 และ 91 (Non-Oxy) เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 85.54 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล 83.46 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และ 84.70 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับตัวลงจากสัปดาห์ที่แล้ว 0.85 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล 0.62 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และ 0.59 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล โดย International Enterprise Singapore (IES) รายงานปริมาณการนำเข้า (ไม่รวมจีน) สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 14 ก.ค. 64 อยู่ที่ 2.62 ล้านบาร์เรล (+1.35 ล้านบาร์เรล) เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ ขณะที่ปริมาณสำรอง Light Distillates เชิงพาณิชย์ในสิงคโปร์ สัปดาห์สิ้นสุด 14 ก.ค. 64 เพิ่มขึ้น 0.32 ล้านบาร์เรล อยู่ที่ 14.57 ล้านบาร์เรล สูงสุดในรอบ 3 เดือน
ราคาน้ำมันดีเซล: ราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (10 PPM) เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 80.29 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้วจากอุปสงค์ที่ยังจำกัดในภูมิภาค เนื่องจากการจำกัดการเดินทางเพื่อลดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ท่ามกลางการนำเข้าน้ำมันดีเซลของฮ่องกงที่เพิ่มขึ้น
นายวัฒนพงษ์ กล่าวถึง การติดตามสถานการณ์ราคาก๊าซธรรมชาติเหลว ในตลาดจร หรือ Spot LNG ช่วงระหว่างวันที่ 5 – 9 กรกฎาคม 2564 ว่า ราคา Spot LNG เฉลี่ยในสัปดาห์นี้ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อน 0.039 เหรียญสหรัฐฯ/ล้านบีทียู มาอยู่ที่ระดับ 13.414 เหรียญสหรัฐฯ/ล้านบีทียู ตามความผันผวนของราคาก๊าซธรรมชาติในภูมิภาคยุโรป เนื่องจากราคา Carbon Credit ส่งผลกระทบต่อราคา Spot LNG ทำให้เกิดความผันผวนในทิศทางเดียวกันตลอดทั้งสัปดาห์ ประกอบกับปริมาณความต้องการใช้ LNG จากภูมิภาคเอเชีย และอเมริกาใต้เป็นปัจจัยสนับสนุนสำคัญของราคา Spot LNG ให้คงตัวในระดับสูง ทั้งนี้ มีรายงานราคาก๊าซธรรมชาติภายในประเทศออสเตรเลียปรับเพิ่มขึ้นสูงที่สุดในรอบ 5 ปี จากปัจจัยสำคัญ อาทิ อากาศที่หนาวเย็นจัด การซ่อมบำรุงของแหล่งก๊าซฯ Longford ในรัฐวิกตอเรีย โรงไฟฟ้าถ่านหินหยุดการเดินเครื่องกะทันหัน และปริมาณสำรองก๊าซฯ ที่ลดลง ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบทำให้ผู้ผลิต LNG จากโครงการในประเทศออสเตรเลียฝั่งตะวันออก อาจพิจารณาลดกำลังการผลิต LNG และขายก๊าซฯให้กับตลาดในประเทศออสเตรเลียทดแทน ประกอบกับพายุฝนที่ตกต่อเนื่องในประเทศญี่ปุ่น ส่งผลทำให้ความสามารถในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ปรับลดลง และผู้ซื้อ LNG ในประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะผู้ซื้อจากภาคตะวันตกของประเทศต้องเข้าจัดหา Spot LNG เพื่อใช้ในการผลิตไฟฟ้าทดแทนไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์
สำหรับค่าเงินบาทของไทยอ่อนค่าลงจากสัปดาห์ที่แล้ว 0.32 บาท/เหรียญสหรัฐฯ มาอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 32.8269 บาท/เหรียญสหรัฐฯ ต้นทุนน้ำมันเบนซินทรงตัวจากสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่ต้นทุนน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น 0.15 บาท/ลิตร ทำให้ค่าการตลาดของน้ำมันเบนซิน น้ำมันแก๊สโซฮอล และน้ำมันดีเซล เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 2.14 บาท/ลิตร
อย่างไรก็ตามฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 18 ก.ค. 64 กองทุนน้ำมันมีสินทรัพย์รวม 49,293 ล้านบาท หนี้สินกองทุนฯ 32,612 ล้านบาท ทั้งนี้ฐานะกองทุนน้ำมันสุทธิ 16,681 ล้านบาท แยกเป็นบัญชีน้ำมัน 30,979 ล้านบาท และบัญชี LPG -14,298 ล้านบาท