สทนช.บูรณาการสนองพระราชกระแส “สืบสาน รักษา และต่อยอด” โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เดินหน้าเร่งขับเคลื่อน 151 โครงการ ที่ กนช.รับทราบแผนการดำเนินงานตั้งแต่ปี 2564-2566 ให้เป็นไปตามเป้าหมาย เผยเมื่อแล้วเสร็จ สามารถเพิ่มพื้นที่ได้รับประโยชน์อีกกว่า 959,000 ไร่ ป้องกันน้ำท่วมครอบคลุม 64,550 ไร่
ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า รัฐบาลโดย พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) มอบหมายให้ สทนช. เป็นหน่วยงานหลักในการน้อมนำพระราชกระแสพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน ที่จะสืบสาน รักษา และต่อยอดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 มาดำเนินการขับเคลื่อนดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามพระราชประสงค์ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในเรื่องน้ำของราษฎรในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ทั้งนี้ ผลประโยชน์ที่ได้รับจากโครงการพัฒนาแหล่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ นอกจากเป็นการเพิ่มแหล่งน้ำอุปโภคบริโภค เพิ่มพื้นที่ชลประทาน บรรเทาอุทกภัย และนำน้ำที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลเข้าระบบเพื่อการจัดการที่เกิดประโยชน์สูงสุด สามารถบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนได้อย่างเป็นรูปธรรมแล้ว ยังเป็นการพัฒนาแหล่งน้ำที่สอดคล้องเและเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน อันจะนำไปสู่การวางแผนพัฒนาและบริหารจัดการน้ำแต่ละลุ่มน้ำในอนาคตให้เกิดประสิทธิภาพชัดเจนและยั่งยืนอีกด้วย
เลขาธิการ สทนช. กล่าวต่อว่า ในช่วงที่ผ่านมา สทนช. ได้เสนอโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) โดยได้จัดลำดับความสำคัญแผนงาน/โครงการด้านน้ำที่เกี่ยวกับโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่มีความพร้อมในการดำเนินการและไม่ติดปัญหาอุปสรรคใดๆ เป็นลำดับแรก ตั้งแต่ปี 2564-2566 กนช.ได้รับทราบแผนการขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จำนวน 151 โครงการ แบ่งเป็น ดำเนินการก่อนปี 2564 จำนวน 1 โครงการ ดำเนินการปี 2564 จำนวน 70 โครงการ ดำเนินการปี 2565 จำนวน 2 โครงการ และดำเนินการปี 2566 จำนวน 78 โครงการ
“เมื่อแผนงานแผนงาน/โครงการที่เกี่ยวกับโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริได้ดำเนินการแล้วเสร็จทั้งหมด จะสามารถเพิ่มความจุได้ 869 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มพื้นที่รับประโยชน์ 959,203 ไร่ ราษฎรได้รับประโยชน์กว่า 78,738 ครัวเรือน และป้องกันน้ำท่วม 64,550 ไร่” ดร.สมเกียรติ กล่าว
สำหรับโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริสำคัญๆ ที่เป็นการพัฒนาแหล่งน้ำผิวดิน ที่ได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างแล้ว เช่น โครงการสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าบ้านคลองเกตุ จ.ตาก โครงการอ่างเก็บน้ำคลองน้ำขาว จ.กำแพงเพชร โครงการฝายบ้านโป่งสอพร้อมระบบส่งน้ำ จ.พิษณุโลก โครงการจัดหาน้ำช่วยเหลือศูนย์การเรียนราษฎรบ้านปาเกอะญอ จ.เพชรบุรี และโครงการบรรเทาอุทกภัย อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นต้น ส่วนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่มีแผนขับเคลื่อนให้ดำเนินการในระยะต่อไป เช่น โครงการฝายต้นน้ำห้วยแม่มุ พร้อมระบบส่งน้ำและบ่อเก็บน้ำ จ.เชียงใหม่ โครงการอ่างเก็บน้ำแม่สะป๊วด จ.ลำพูน โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำลาย จ.เลย โครงการอ่างเก็บน้ำโปร่งพรหม จ.ราชบุรี และโครงการอ่างเก็บน้ำลำพะยา จ.ยะลา เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จำนวน 15 โครงการ สามารถเพิ่มปริมาณน้ำไม่น้อยกว่า 10.73 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี พื้นที่ได้รับประโยชน์ 261,494 ไร่ และราษฎรได้รับประโยชน์ 29,011 ครัวเรือน โดยมีโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน 6 โครงการ เช่น โครงการจัดหาน้ำบาดาลให้กับพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ ต.ดงเค็ง อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น ภาคตะวันออกในพื้นที่ ต.บางแก้ว อ.เมืองฉะเชิงเทรา จ.ฉะเชิงเทรา และภาคตะวันตกในพื้นที่ ต.หนองฝ้าย อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี และโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการขอรับงบประมาณ จำนวน 9 โครงการ เช่น โครงการจัดหาน้ำบาดาลให้กับพื้นที่ภาคเหนือที่ ต.บ้านกลาง อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ภาคกลางในพื้นที่ ต.หนองงูเหลือม อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม ภาคตะวันออกในพื้นที่ ต.โพรงอากาศ อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา และภาคใต้ในพื้นที่ ต.เกาะนางคำ อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง เป็นต้น
“สทนช.จะบูรณาการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตามพระราชปณิธาน สืบสาน รักษา และต่อยอด ของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้เป็นไปตามเป้าหมาย เพื่อแก้ปัญหาด้านน้ำในทุกมิติ สร้างความมั่นคง สร้างความสุข ตลอดจนสร้างประโยชน์กับประเทศและสังคมได้อย่างยั่งยืน” เลขาธิการ สทนช. กล่าวในตอนท้าย