นายแพทย์ชัยพร พรหมสิงห์ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ เปิดเผยว่าจากการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง กรอบ แนวทาง และรูปแบบการนิเทศ ติดตาม และประเมินผลการพัฒนาโรงเรียนต้นแบบเด็กไทยแก้มใส  เมื่อเร็วๆนี้ ทางกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้เจริญตามรอยพระยุคลบาทสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ด้วยการพัฒนาโรงเรียนต้นแบบเด็กไทยแก้มใส มาตั้งแต่ปี2557โดยความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น สำนักการศึกษากรุงเทพมหานครกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทยและได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

          ซึ่งจากการดำเนินงานที่ผ่านมาทำให้มีการพัฒนาโรงเรียนต้นแบบเด็กไทยแก้มใส จำนวน 544 โรงเรียน ครอบคลุมทุกสังกัด ใน 4 ภาค 72 จังหวัด ภายใต้การบูรณาการงานใน 8 กิจกรรมได้แก่ 1) เกษตรในโรงเรียน 479แห่ง2) การจัดการเรียนรู้เกษตร โภชนาการ และสุขภาพ 267 แห่ง3) การจัดบริการอาหารของโรงเรียน 251 แห่ง 4) สหกรณ์นักเรียน 232 แห่ง 5) การติดตามภาวะโภชนาการนักเรียน 209 แห่ง6) การพัฒนาอนามัยสิ่งแวดล้อมในโรงเรียน 186 แห่ง7) การพัฒนาสุขนิสัยนักเรียน158 แห่ง และ 8) การจัดบริการสุขภาพในโรงเรียน 150 แห่ง

          ทางด้านแพทย์หญิงนภาพรรณ วิริยอุตสาหกุล ผู้อำนวยการสำนักโภชนาการ เปิดเผยว่า จากข้อมูลการเฝ้าระวังติดตามการเจริญเติบโตในเด็กนักเรียนอายุ 6 – 12 ปี จำนวน 1,492,089 คน จาก 76 จังหวัด ของกรมอนามัย ปี 2555 พบว่า นักเรียนมีภาวะอ้วน จำนวน 187,000 คน คิดเป็นร้อยละ 12.5 เตี้ย จำนวน 254,620 คน คิดเป็นร้อยละ 17.0 และผอม จำนวน 99,112 คน คิดเป็นร้อยละ 6.6 ปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบให้มีสติปัญญาด้อย เรียนรู้ช้า ภูมิต้านทานโรคต่ำ ติดเชื้อได้ง่าย รวมทั้งภาวะอ้วนเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและ หลอดเลือด เป็นต้น

          โครงการโรงเรียนต้นแบบเด็กไทยแก้มใส ที่มุ่งเน้นให้นักเรียนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาโดยตั้งเป้าภายในปี 2560 เด็กนักเรียนจำนวน 155,200 คน จะมีความรู้ ทักษะ และพฤติกรรมสุขภาพที่พึงประสงค์ อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ พัฒนาตนเองสู่การมีโภชนาการสมวัย สุขภาพดี ผลการเรียนดี และมีจิตสาธารณะพร้อมตอบรับนโยบาย ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ภายใต้แนวคิด เด็กไทยทำได้ สุขอนามัยดี สมองดี มีสุข ด้วยกิจกรรมทักษะสุขภาพ 3 หมวด ได้แก่ 1) Head หรือกิจกรรมเสริมสมรรถนะการเรียนรู้ (Cognitive) 2) Heart หรือกิจกรรมสร้างเสริมคุณลักษณะและค่านิยม (Affective) และ 3) Hand หรือกิจกรรมสร้างเสริมทักษะการทำงาน (Psychomotor)

          "ทั้งนี้ กรมอนามัยยังได้พัฒนาสื่อ นวัตกรรม สนับสนุนการดำเนินงานของโรงเรียน จำนวน 8 รายการ เช่น คู่มือการเกษตรในโรงเรียน คู่มือสหกรณ์นักเรียน คู่มือการจัดทำบัญชีสหกรณ์ ชุดเรียนรู้ด้านอาหาร โภชนาการ และสุขภาพ คู่มือแม่ครัวอนามัยหัวใจรักเด็ก คู่มือการจำแนกอาหารตามมาตรฐานโภชนาการ คู่มือการประเมินตนเองโรงเรียนต้นแบบเด็กไทยแก้มใส และเพลงเด็กไทยแก้มใส มีการพัฒนาศักยภาพบุคลากรในระดับเขต จังหวัด และโรงเรียน รวม 13 ครั้ง มีผู้เข้ารับการอบรมจำนวน 3,620 คน จำแนกเป็นทีมวิทยากร ระดับเขตและจังหวัด 300 คน ผู้บริหารโรงเรียน 544 คน และผู้ปฏิบัติงาน 2,776 คน โดยผู้เข้ารับการอบรมมีความพึงพอใจและมั่นใจว่าจะสามารถนำความรู้ไปพัฒนาโรงเรียนต้นแบบเด็กไทยแก้มใสได้อย่างมีประสิทธิภาพ”