ตามที่พรรคประชาธิปัตย์ได้มีหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีเรื่องข้อเสนอให้มีการยกเลิกโครงการโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงถ่านหินเพื่อดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงธรรมชาติเหลว (Liquefied Natural Gas “LNG”) โดยกล่าวถึงข้อกังวลของอุปสรรคและปัญหา รวมถึงอ้างเหตุผลว่า ต้นทุนเชื้อเพลิงสูง มีผู้จัดจำหน่ายมากราย การก่อสร้าง การขออนุญาตและการดำเนินการอื่นๆใช้ระยะเวลานาน รวมถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
นายประกอบ ปริมล ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (สร.กฟผ.) จึงได้เข้ายื่นหนังสือชี้แจงความจำเป็นในการก่อสร้างรฟ.ถ่านหินและได้ขอบคุณในข้อกังวลของอุปสรรคและปัญหา ทั้งนี้เหตุผลที่ทางพรรคประชาธิปัตย์ อ้างถึงเป็นการให้ข้อมูลด้านเดียวที่ทำให้ประชาชนสับสนและเกิดความขัดแย้งทางความคิด โดยเฉพาะในสถานการณ์ทางด้านพลังงานของประเทศในพื้นที่ภาคใต้ที่พี่น้องประชาชนต้องการความมั่นคงของระบบพลังงานไฟฟ้าการพัฒนาพื้นที่ให้เจริญก้าวหน้า ซึ่งข้อเท็จจริงแล้ว พลังงานไฟฟ้ามีการตั้งสัดส่วนของประเภทเชื้อเพลิงเพื่อให้เกิดความมั่นคง รวมถึงราคาต้นทุนที่เป็นปัจจัยหลักที่จะกระทบต่อประชาชนโดยทั่วไปที่ต้องแบกรับภาระโดยที่ LNG มีราคาสูงกว่า Coal ประมาณ 20 % (ปี 2559) รวมถึงผลกระทบในการก่อสร้างท่อก๊าซที่มีผลกระทบต่อสังคมเป็นอย่างมากจึงต้องใช้ระยะเวลาในการศึกษาและดำเนินการนานปลายปี ทำให้การพัฒนาประเทศโดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ต้องสะดุดหยุดลงทั้งที่ขณะนี้โครงการโรงไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้ได้ผ่านขั้นตอนต่างๆและพร้อมที่จะเริ่มโครงการฯ แต่การที่พรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาแสดงบทบาทคัดค้านในการสร้างโรงไฟฟ้าในครั้งนี้นั้นสร.กฟผ.จึงใคร่ขอให้ทางพรรคประชาธิปัตย์
นำกลับไปทบทวนโดยคำนึงถึงความมั่นคง และเสถียรภาพดทางด้านการจัดการเชื้อเพลิงและต้นทุนการผลิตไฟฟ้า ซึ่งทั้งหลายทั้งมวลผู้รับภาระคือประชาชนโดยส่วนรวม สร. กฟผ. เห็นว่าหากพรรคประชาธิปัตย์ให้การสนับสนุนโครงการโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงถ่านหินที่กำลังดำเนินการอยู่นี้ ก็จะสามารถช่วยคลี่คลายปัญหาบางประการที่มีอยู่และทำให้โครงการสามารถประสบผลสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้การพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ที่จำเป็นต้องใช้พลังงานไฟฟ้ามีการพัฒนาได้อย่างต่อเนื่องรวดเร็ว "ขอยืนยันว่า สร.กฟผ. ยังคงยืนหยัดบนความถูกต้องไม่เกี่ยวข้องหรือมีผลประโยชน์อื่นใดทางการเมืองและพร้อมปกป้องต่อสู้เพื่อผลประโยชน์และความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้าเพื่อประชาชน"