นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC เปิดเผยว่า เพื่อรับกระแสการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของโลก (Megatrends) ที่ส่งผลกระทบและสร้างการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และธุรกิจ IRPC จึงได้กำหนดวิสัยทัศน์ใหม่ขึ้น เพื่อใช้ในการขับเคลื่อนองค์กร ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งควบคู่ไปกับการสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้กับทุกชีวิตและสิ่งแวดล้อม
วิสัยทัศน์ใหม่ของ IRPC ที่จะเริ่มใช้ในปี 2564 คือ การเป็นองค์กรที่ “สร้างสรรค์นวัตกรรมการใช้วัสดุและพลังงาน เพื่อชีวิต ที่ลงตัวได้ถูกกำหนดขึ้นโดยคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาวะแวดล้อมทางธุรกิจต่างๆ ของโลก อาทิ เทคโนโลยี การสื่อสาร การคมนาคม ความต้องการของลูกค้า ที่กำลังเข้าสู่การเป็นสังคมเมืองและสังคมผู้สูงอายุ ความห่วงใยสิ่งแวดล้อม รวมถึงสงครามการค้า ซึ่งไม่เพียงแต่จะสร้างผลกระทบต่อผู้ประกอบการธุรกิจเท่านั้น หากแต่ยังเป็นโอกาสสำคัญของ IRPC ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพและความแข็งแกร่งให้กับองค์กรด้วย
IRPC จะให้ความสำคัญต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรมการใช้วัสดุให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงการใช้วัสดุหมุนเวียนและการรักษาสิ่งแวดล้อม ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถรองรับความต้องการใช้งานทางการแพทย์ และสุขภาพ ที่สร้างประโยชน์เพื่อคนไทยโดยคนไทยเป็นรายแรกของประเทศ อาทิ การสร้างสรรค์นวัตกรรมเม็ดพลาสติก พีพี เกรด เมลต์โบลน วัตถุดิบที่สำคัญในการผลิตหน้ากากอนามัย หน้ากาก N95 และชุดป้องกันส่วนบุคคล (PPE) หรือแม้แต่กลุ่มนวัตกรรมทางการเกษตร ได้แก่ ซิงค์ออกไซด์นาโน ที่พัฒนาต่อยอดมาจากซิงค์ออกไซด์ ทำให้มีขนาดเล็กระดับอนุภาคนาโน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมธาตุอาหารเข้าสู่ส่วนต่างๆ ของพืชได้ดียิ่งขึ้น เพิ่มผลิตผลทางการเกษตรและปลอดภัยต่อทั้งเกษตรกรและสิ่งแวดล้อม
สำหรับการสร้างสรรค์ด้านการใช้พลังงานนั้น IRPC จะขยายผลธุรกิจในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานแห่งอนาคต ทั้งพลังงานทางเลือก และพลังงานหมุนเวียน เช่น วัสดุเคลือบแผงโซลาร์เซลล์ลดความร้อน และอุปกรณ์เก็บพลังงานสำรองให้รถยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น ตลอดจนการปรับปรุงกระบวนการผลิตโรงกลั่นน้ำมันให้ได้เป็นผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีมากขึ้น
“เพื่อให้ประสบความสำเร็จตามวิสัยทัศน์ใหม่ การดำเนินธุรกิจและสิ่งที่ IRPC จะสร้างผลลัพธ์ที่ดีให้กับชีวิตและสิ่งแวดล้อม เราไม่เพียงแต่ขยายฐานจากการดำเนินธุรกิจด้านการผลิตปิโตรเคมีและการกลั่นที่เราเชี่ยวชาญมายาวนานกว่า 40 ปี และมีความมั่นคงเท่านั้น แต่เราต้องต่อยอดองค์ความรู้ที่มีและเชื่อมโยงเครือข่ายพันธมิตร เพื่อสร้างนวัตกรรมของผลิตภัณฑ์และรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ เสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจ และสร้างการเติบโตได้อย่างยั่งยืนจากความสมดุลของทั้งชีวิตผู้คน และสิ่งแวดล้อม”
สำหรับการขับเคลื่อนธุรกิจหลังจากนี้ IRPC จะใช้องค์ความรู้ขององค์กร ที่ประกอบด้วยนวัตกรรม ความเชี่ยวชาญของบุคลากร รวมถึงความพร้อมในการนำเทคโนโลยีและดิจิทัลมาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มความแม่นยำ ว่องไว ทันต่อสถานการณ์ ควบคู่ไปกับการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจ โดยมุ่งเน้นการส่งมอบสิ่งดีๆ ให้กับชีวิตและสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน