น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การดำเนินการแก้ปัญหาราคาลำไยตกต่ำที่มีสาเหตุหลักมาจากการสั่งซื้อจากประเทศจีนที่เป็นตลาดหลัก มีปริมาณลดลงอย่างมากนั้น กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เร่งบรรเทาความเดือดร้อนไปแล้ว ผ่านมาตรการต่างๆ ดังนี้ 1.สนับสนุนความช่วยเหลือด้านตลาดในประเทศ โดยรับซื้อผ่านข้อตกลง ระหว่างกลุ่มเกษตรกรกับห้างค้าส่ง-ค้าปลีก ตลาดกลางสินค้าเกษตร โรงงานแปรรูป รวมถึงช่วยกระจายผลผลิตออกนอกแหล่งผลิต เพื่อจำหน่ายในตลาดปลายทางทั่วประเทศ อาทิ ร้านธงฟ้า รถโมบายผลไม้ และสถานีบริการน้ำมัน จำนวน 1,028 สาขา รวมปริมาณกว่า 80,000 ตัน 2.สนับสนุนค่าบริหารจัดการในการรวบรวมและกระจายผลผลิตลำไยให้แก่จังหวัดแหล่งผลิตลำไยในอัตรา 3 บาทต่อกิโลกรัม รวม 6 จังหวัด ปริมาณกว่า 15,764 ตัน 3.รับซื้อผลผลิตลำไยรูดร่วงโดยตรงจากเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์การเกษตรและวิสาหกิจชุมชน เพื่อนำไปสู่การแปรรูป รวม 8,600 ตัน
น.ส.รัชดา กล่าวอีกว่า 4.สนับสนุนค่าบริหารจัดการผลักดันส่งออกผลไม้กิโลกรัมละ 5 บาท เป้าหมาย 60,000 ตัน 5.ร่วมกับบริษัทไปรษณีย์ไทย สนับสนุนกล่องบรรจุผลไม้และค่าขนส่งฟรี รวม 200,000 กล่อง ให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกผลไม้และผู้ประกอบการออนไลน์ ซึ่งเกษตรกรผู้ปลูกลำไยสามารถติดต่อขอรับการสนับสนุนด้านมาตรการนี้ได้จากสำนักงานพาณิชย์จังหวัด นอกจากนี้ ทูตพาณิชย์และทูตเกษตรที่ประเทศจีน ได้เจรจาปลดล็อกสำเร็จให้ทุกล้งในประเทศไทยที่ปฏิบัติตามเงื่อนไขสุขอนามัย สามารถรวบรวมลำไยและส่งออกไปยังตลาดจีนได้ หลังจากเคยมีข่าวว่าจะระงับการนำเข้าลำไยจากไทย ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์กำหนดแผนส่งเสริมการบริโภคลำไยใน 12 เมืองใหญ่ของจีน รวมทั้งตลาดในอินเดียส่งเสริมการบริโภคใน 4 รัฐ คือรัฐเบงกอลตะวันตก รัฐหรยานา รัฐอุตตรประเทศ และรัฐเตลังคานา ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้ติดตามการดำเนินการเรื่องดังกล่าวมาตลอด ขณะที่กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรฯ ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับเครือข่ายเกษตรกร ผู้ประกอบการค้าปลีก/ส่ง และผู้ส่งออก เพื่อรับฟังปัญหาและหาทางออกอย่างตรงจุด อีกทั้งให้ความมั่นใจว่าจากมาตรการต่างๆ จะช่วยทำให้ราคาลำไยสูงขึ้น