สปสช. แจกชุดตรวจ ATK ให้ประเมินความเสี่ยงผ่านแอพฯเป๋าตัง-วอล์กอินรับที่ร้านยาให้ลงทะเบียน-ทำแบบประเมินความเสี่ยงผ่านแอพฯเป๋าตังแล้วเลือกร้านยาที่จะไปรับ หรืออาจ Walk in มาประเมินความเสี่ยงที่ร้านยาได้ โดยสปสช.ระบุเริ่มกระจาย ATK ให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงกลางเดือน ก.ย.นี้
ภญ.ศิริรัตน์ ตันปิชาติ นายกสมาคมเภสัชกรรมชุมชน กล่าวถึงความคืบหน้าการกระจายชุดตรวจ Antigen test kit (ATK) แบบ Self-test จำนวน 8.5 ล้านชุด สำหรับให้ประชาชนนำไปตรวจด้วยตัวเองที่บ้านว่า ในส่วนของช่องทางการกระจายผ่านร้านยานั้น จากการพูดคุยเบื้องต้นกับ สปสช. คือให้ผู้ประสงค์จะรับชุดตรวจ ATK ลงทะเบียนและทำแบบประเมินความเสี่ยงผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง โดยสามารถเลือกร้านยาที่จะเข้าไปรับชุดตรวจได้ รวมทั้งอาจ Walk in มาที่ร้านยา ให้ร้านยาประเมินความเสี่ยงและบันทึกข้อมูลเข้ามาในระบบแอปฯเป๋าตังเช่นกัน
"มีหลายภาคส่วนที่เข้ามากระจายชุดตรวจ ATK ซึ่งร้านยาก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่รู้ตอนนี้คือ สปสช.มีร้านยาที่ลงทะเบียนเป็นหน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพประมาณ 1,000 ร้านทั่วประเทศ อยู่ใน กทม.ประมาณ 300 ร้าน คนที่ได้รับ ATK จะได้ไปคนละ 2 ชุดสำหรับตรวจครั้งแรกและตรวจซ้ำอีกครั้งเมื่อผ่านไป 5 วัน ส่วนคนที่จะรับชุดตรวจนั้นจะต้องเป็นกลุ่มเสี่ยง เช่น มีคนในที่ทำงานติดเชื้อ แต่ตัวเองยังมีอาการปกติไม่แน่ใจว่าจะได้รับเชื้อด้วยหรือไม่ แบบนี้ก็เข้าข่ายสามารถมารับ ATK ได้" ภญ.ศิริรัตน์ กล่าว
ทั้งนี้เมื่อทราบผลตรวจแล้ว ผู้ทำการตรวจต้องส่งรูปหรือโทรกลับมาแจ้งที่ร้านยาเพื่อรับคำแนะนำในการแปลผลการตรวจ ในกรณีที่ผลเป็นลบ เภสัชกรจะแนะนำให้กักตัวอยู่บ้านให้ครบ 14 วัน แต่ถ้าผลเป็นบวกก็จะแนะนำให้เข้าระบบการดูแลที่บ้านแบบ Home Isolation และถ้ามีอาการมากก็มีการพูดคุยกันว่าจะให้ร้านยาส่งยาฟาวิพิราเวียร์ไปให้ที่บ้าน อย่างไรก็ดี เรื่องการส่งยาฟาวิพิราเวียร์ต้องรอความชัดเจนอีกครั้ง
ด้าน นพ.อภิชาติ รอดสม รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ชุดตรวจ ATK จะแจกให้สำหรับประชาชนกลุ่มเสี่ยง เช่น มีคนในบ้านเป็น อยู่ในชุมชนแออัด มีการสัมผัสอยู่ใกล้ผู้ติดเชื้อ อยู่ในพื้นที่ระบาด กลุ่มที่ให้บริการผู้อื่น เช่น แม่ค้าในตลาด เป็นต้น โดยคาดว่าจะสามารถกระจายให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงได้ในช่วงกลางเดือนกันยายนนี้
สำหรับในพื้นที่ กทม. ได้เตรียมไว้ 2 ล้านชุด สำหรับชุมชน 2,000 กว่าชุมชน โดยกระจายให้ศูนย์บริการสาธารณสุขของ กทม. แล้วกระจายต่อให้อาสาสมัครสาธารณสุขหรือ อสส.เอาไปกระจายในชุมชน แต่คนที่รับต้องพิสูจน์ตัวตนผ่านแอปฯเป๋าตังและทำแบบประเมินว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงจริงหรือไม่ ขณะที่อีกส่วนส่งไปตามต่างจังหวัดโดยเฉพาะจังหวัดสีแดง ผ่านหน่วยบริการ เช่น โรงพยาบาล โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) จากนั้นหน่วยบริการกระจายผ่านอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) หรือให้ประชาชนมารับที่หน่วยบริการก็ได้ แต่ต้องประเมินว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงก่อนรับชุดตรวจ ATK ด้วยเช่นกัน
"ส่วนที่ 3 กระจายผ่านร้านยาและคลินิกในเครือข่าย สปสช. ประมาณ 1,000 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งอาจให้ผู้รับมารับชุดตรวจที่ร้านยาและลงทะเบียนผ่านเป๋าตัง โดยให้ร้านยาติดตามผลการคัดกรองให้" นพ.อภิชาติ กล่าว