นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการธนาคารในการประชุม ครั้งที่ 11/2558 วันที่ 24 กันยายน 2558และครั้งที่ 12/2558 วันที่ 28 ตุลาคม 2558 เห็นชอบให้ ธ.ก.ส.ออกมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรในการดูแลรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2558/2559 จำนวนทั้งสิ้น 3โครงการ ประกอบไปด้วย โครงการลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2558/59 สำหรับเกษตรกรลูกค้าที่มีหนี้เงินกู้เพื่อการผลิตข้าวปีการผลิต 2558/59 รายละไม่เกิน 80,000 บาท จะได้รับการลดดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อปี ระยะเวลาการลดดอกเบี้ยไม่เกิน 6 เดือน โดยรัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ให้แก่ธ.ก.ส.แทนเกษตรกร
โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2558/59 โดย ธ.ก.ส.ให้สินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกร ได้แก่ สหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร และวิสาหกิจชุมชน เพื่อรวบรวมข้าวเปลือกเพื่อการจำหน่าย และเพื่อการแปรรูป วงเงินสินเชื่อ 12,500 ล้านบาท ธ.ก.ส.คิดอัตราดอกเบี้ยจากสถาบันเกษตรกรในอัตราร้อยละ 2 ต่อปี ทั้งนี้ รัฐบาลรับภาระดอกเบี้ยแทนสถาบันเกษตรกรอีกร้อยละ 2 ต่อปี
โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2558/59 โดย ธ.ก.ส.จะจ่ายสินเชื่อชะลอการขาย
ผลผลิตให้แก่เกษตรกรและสหกรณ์การเกษตร โดยใช้ข้าวเปลือกหอมมะลิและข้าวเปลือกเหนียวเป็นหลักประกัน มีเป้าหมายเก็บข้าวเปลือกไว้รอราคา จำนวน 2 ล้านตันข้าวเปลือก ดำเนินการในเขตพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ วงเงินสินเชื่อ 26,740 ล้านบาท ซึ่งวงเงินสินเชื่อที่เกษตรกรจะได้รับเป็นไปตามคุณภาพข้าวดังนี้
ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 12,900 – 13,500 บาท ข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ตันละ 11,300 บาทข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดคละ ตันละ 10,300 บาทซึ่งกรณีที่เกษตรกรเก็บข้าวเปลือกไว้รอราคาในยุ้งฉางตั้งแต่ 30 วันขึ้นไปเพื่อรอราคาและข้าวอยู่ในสภาพดีเกษตรกรจะได้ค่าเก็บรักษาข้าวเพิ่มอีกตันละ 1,000 บาท
“มาตรการดังกล่าวเน้นลดต้นทุนให้กับเกษตรกร รวมทั้งสนับสนุนกระบวนการสหกรณ์เข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อนและให้กลไกตลาดทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อให้การแก้ไขปัญหามีความยั่งยืนในระยะยาวต่อไป” นายลักษณ์กล่าว