นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า สำหรับเป้าหมายการให้บริการวัคซีนโควิด 19 ในเดือนตุลาคมนี้ ทาง สธ. จะเน้นใน 4 แนวทาง ดังนี้
1.เน้นให้ทุกจังหวัดฉีดครอบคลุมประชากรทั้งหมดอย่างน้อย 50% และแต่ละจังหวัดให้มีอย่างน้อย 1 อำเภอ ความครอบคลุม 70% และมีต้นแบบ COVID free Area อย่างน้อย 1 พื้นที่
รวมทั้งเพิ่มความครอบคลุมในกลุ่มสูงอายุ ผู้มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค หญิงตั้งครรภ์ให้มากที่สุด ส่วนกลุ่มอื่น ๆ ให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพิจารณา
2.ฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 สำหรับผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มแรก
3.ขยายกลุ่มอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียน
4.ฉีดเข็มกระตุ้นผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็มในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม 2564
5.ฉีดพื้นที่เศรษฐกิจและเพื่อควบคุมการระบาด
ทั้งนี้ กรณีจัดหาวัคซีนได้มากกว่าหรือน้อยกว่า 24 ล้านโดส จำนวนที่จัดสรรจะปรับเพิ่มหรือลดตามสัดส่วนวัคซีนที่ได้รับ
สำหรับการให้บริการวัคซีนไฟเซอร์สำหรับผู้ที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป ได้แก่ นักเรียน/นักศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 หรือประกาศนียบัตรวิชาชีพหรือเทียบเท่านั้น
จะให้บริการผ่านสถาบันการศึกษา อาทิ โรงเรียนมัธยมศึกษาสังกัดรัฐบาลและเอกชน สถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน สังกัดกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โรงเรียนสอนศาสนา สถาบันการศึกษาอื่น ๆ ที่มีผู้มีอายุ 12 ปีขึ้นไปกำลังศึกษาอยู่ เช่น โรงเรียนทหาร เป็นต้น
อย่างไรก็ดี หากนักเรียน หรือนักศึกษาในสถาบันการศึกษาดังกล่าว มีอายุเกิน 18 ปี ให้รับวัคซีนไฟเซอร์ ได้พร้อมกับนักเรียนในโรงเรียน แต่ให้เป็นไปตามสมัครใจของผู้ปกครองและเด็ก