นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ตนได้ประชุมเพื่อพิจารณาแนวทางการปฏิบัติ เกี่ยวกับการบังคับใช้ร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด ร่วมกับ นายธนวัชร นิติกาญจนา ที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. นายสาคร ตั้งวรรณวิบูลย์ ผู้พิพากษาศาลฎีกา นายปกรณ์ ยิ่งวรการ ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นประจำสำนักประธานศาลฎีกา นายรุ่งศักดิ์ วงศ์กระสันต์ รองประธานแผนกคดียาเสพติดในศาลอุทธรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเป็นการปรึกษาขอความรู้ให้การบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้เดินหน้าไปได้ เพราะตามนโยบายการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดของตนนั้น จะเน้นมุ่งเน้นไปยังการสืบสาวหาตัวหัวหน้าผู้สั่งการ และการยึดทรัพย์ทลายเครือข่ายเป็นหลัก ซึ่งกฎหมายฉบับนี้จะมีเรื่องใหม่ๆ เช่น การยึดทรัพย์ตามมูลค่า หรือแวลูเบท ดังนั้นเราต้องหารือกับหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง คือ ศาล อัยการ ตำรวจ ป.ป.ส. รวมไปถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพราะเป็นหน่วยงานหลักในการบังคับใช้กฎหมาย
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ทางศาลและอัยการขอไปศึกษารายละเอียดของกฎหมาย เพื่อที่จะได้หาวิธีการปฏิบัติที่ง่าย และยังมีข้อกฎหมายบางมาตราที่อาจจะต้องตีความให้ชัดเจน เพื่อให้การบังคับใช้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน และชี้แจงต่อผู้ปฏิบัติให้เข้าใจได้ง่าย เช่น การรวบรวมพยานหลักฐานในการดำเนินคดี การยึดทรัพย์ในกรณีที่จับกุมผู้ทำผิดได้และจับไม่ได้ การบังคับใช้กฎหมายย้อนหลัง ซึ่งต้องมีการชั่งน้ำหนักระหว่างเรื่องสิทธิมนุษยชนกับการปกป้องสังคม นอกจากนี้ทางศาลยุติธรรมยังได้ขอให้กรมราชทัณฑ์ ประสานงานร่วมกันในการสำรวจผู้ต้องขังในคดียาเสพติด เพราะกฎหมายใหม่จะมีการปรับโทษบางส่วนอาจจะได้รับการปล่อยตัว จึงต้องมีการสำรวจร่วมกันเหมือนกรณีคดีพืชกระท่อม และการประชุมในครั้งต่อไปจะมีการเชิญผู้แทนจาก UNODC มาร่วมหารือด้วย เพื่อพูดคุยถึงแนวทางการบังคับใช้กฎหมายยาเสพติดและแนวทางของต่างประเทศว่า เขายึดหลักการอะไรบ้าง เพื่อให้การทำงานของเราเป็นไปตามหลักสากลด้วย
"พวกที่ค้ายาเราจะใช้การบังคับใช้กฎหมายแบบกฎหมายอื่นไม่ได้ เพราะถือเป็นการฆ่าคนทางอ้อม และเป็นสิ่งที่ทำลายสังคมและประเทศ ดังนั้นเราต้องทำให้เขาหวาดกลัวไม่กล้าที่จะทำผิด ซึ่งหากเราจะเน้นไปที่การยึดทรัพย์ตัดวงจร เราต้องทำให้การยึดทรัพย์ทำได้ง่าย ตนเชื่อว่าหากเรายึดทรัพย์เครือข่ายได้หมด คนก็จะไม่กล้าขายเพราะค้ายาเสพติดไม่ใช่แค่ติดคุก แต่จะถูกยึดทรัพย์จนหมดตัว ดังนั้นเราจึงต้องช่วยกันคิดว่าแนวทางใดที่จะทำให้การปฏิบัติทำได้ง่าย เพราะถ้าหากเรายังทำแบบเดิมเหมือนเมื่อก่อน ปีหนึ่งๆยึดได้ไม่เท่าไรและยาเสพติดก็ไม่ลดลงเลย" นายสมศักดิ์ กล่าว