นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ(คพ.) เปิดเผยว่า จากกรณี การเข้าตรวจสอบสินค้าขาเข้า ณ ศูนย์เอกซเรย์และเทคโนโลยีศุลกากร สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี ของบริษัท สยามคราฟท์อุตสาหกรรม จำกัด สำแดงผิดข้อเท็จจริง โดยสำแดงเป็นสินค้าเศษกระดาษไม่ได้แยก พิกัด 4707.90.00 น้ำหนักรวม 294 ตัน ซึ่งผลการตรวจสอบสินค้าในตู้ดังกล่าว พบของอันมีลักษณะเข้าข่ายเป็นขยะเทศบาล พิกัด 3825.10.00 ซึ่งมีความผิดตามมาตรา 202 มาตรา 244 และมาตรา 252 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 พระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้าในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. 2522 และประกาศกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งกำหนดให้ขยะเทศบาลเป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้าและห้ามนำผ่านราชอาณาจักร พ.ศ. 2562
นายอรรถพล กล่าวว่า คพ. ได้ประชุมหารือร่วมกับบริษัท สยามคราฟท์อุตสาหกรรม จำกัด บริษัทฯ ได้ชี้แจงกระบวนการนำเข้าสินค้าเศษกระดาษที่ไม่ได้คัดแยก ซึ่งมีข้อกำหนดตามมาตรฐานสากลให้ปนเปื้อนได้ไม่เกินร้อยละ 2 โดยบริษัทฯ จะมีการตรวจสอบสินค้าที่นำเข้าตั้งแต่ ณ ประเทศต้นทางจนถึงปลายทาง หากมีคุณภาพโดยการปนเปื้อนไม่เกินมาตรฐาน จะนำเข้าสู่กระบวนการผลิตโดยเป็นวัตถุดิบรีไซเคิล สำหรับครั้งนี้บริษัทฯ ยอมรับว่าเศษกระดาษที่นำเข้ามีการปนเปื้อนเกินมาตรฐาน บริษัทฯ จึงจะไม่มีการนำเข้าสินค้าจากบริษัทคู่ค้าดังกล่าวอีก และตู้สินค้าทั้งหมดจะส่งกลับประเทศต้นทาง ทั้งนี้ ในส่วนประเด็นความผิดทางกฎหมายให้เป็นไปตามการดำเนินการของกรมศุลกากรต่อไปและบริษัทฯ จะเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบสินค้า ณ ต้นทาง เพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้อีก เพื่อควบคุมการนำเข้าเศษพลาสติกตามมติคณะอนุกรรมการบริหารจัดการขยะพลาสติกและขยะอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธาน และเป็นไปตามนโยบายรัฐบาล ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำกับบริษัทฯ ควรแจ้งหน่วยงานของประเทศต้นทางให้รับทราบเพื่อจะได้กำกับบริษัทคู่ค้าในประเทศต้นทางให้ดำเนินการอย่างถูกต้องผู้ประกอบการทุกรายห้ามนำเข้าขยะพลาสติก หากพบจะถูกดำเนินคดีและขอให้ส่งกลับประเทศต้นทาง