บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เผยยอดบริจาคกล่องพัสดุ และซองกระดาษไม่ใช้แล้วเข้าสู่ระบบรีไซเคิลภายใต้โครงการ “ไปรษณีย์ reBOX” มีปริมาณสูงกว่า 170,000 กิโลกรัม โดยมีปัจจัยจากกระแสการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ของคนไทยที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด จนทำให้มีปริมาณกล่องพัสดุ เพิ่มมากขึ้น โดยไปรษณีย์ไทยจะเดินหน้านำกล่อง/ซองที่ไม่ใช้แล้วเหล่านี้ ไปแปลงมูลค่าเป็นหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ ร่วมกับ บริษัท บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด มหาชน และองค์การเภสัชกรรม พร้อมบรรจุลง “กล่องBOXบุญ” เตรียมส่งต่อให้กับโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศในช่วงปลายปีนี้
ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า โครงการ ไปรษณีย์ reBOX เปลี่ยนกล่อง/ซองไม่ใช้แล้ว เป็นสิ่งจำเป็นทางการแพทย์ ได้รับการตอบรับที่ดีย่างต่อเนื่อง จากภาคประชาชน รวมทั้งหน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลช้อปปิ้ง เช่น 9.9 ที่ผ่านมา ที่มีปริมาณ คำสั่งซื้อหลักล้านออเดอร์ภายในไม่กี่นาที ซึ่งเป็นอานิสงส์ให้มีปริมาณกล่องพัสดุรวมทั้งสิ่งหุ้มห่อเพิ่มมากขึ้นตามคำสั่งซื้อ และทำให้มียอดการบริจาคกล่อง/ซองพัสดุ และลังกระดาษเหลือใช้เข้าสู่ระบบรีไซเคิลมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งขณะนี้ ไปรษณีย์ไทยได้รับกล่อง/ซองพัสดุจากคนไทยรวมแล้วกว่า 170,000 กิโลกรัม ซึ่งทะลุเป้าจากเดิมที่ไปรษณีย์ไทยตั้งเป้าหมายการรับบริจาคตลอดการดำเนินโครงการซึ่งสิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2564 ไว้ที่ 75,000 กิโลกรัม
ทั้งนี้ นอกจากที่ไปรษณีย์ไทยได้ส่งต่อกล่อง/ ซองที่ได้รับจากทุกภาคส่วนให้กับบริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) เพื่อแปรรูปเป็นเตียงกระดาษสำหรับรองรับผู้ป่วย COVID-19 ในโรงพยาบาลสนามทั่วประเทศไปแล้ว ยังได้ร่วมกับบริษัท บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด มหาชน องค์การเภสัชกรรม พร้อมทั้งหน่วยงานพันธมิตร แปลงมูลค่าจากกกล่อง/ซอง เป็นหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ บรรจุรวมใน “กล่องBOXบุญ” จากนั้นจะนำไปส่งต่อให้กับโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงบุคลากรด่านหน้าที่มาจากภาคส่วนทางสาธารณสุขสามารถใช้ปฏิบัติหน้าที่ได้ด้วยความปลอดภัยท่ามกลางวิฤตโควิด-19 ที่ยังคงมีการระบาดอย่างต่อเนื่อง
“ไปรษณีย์ไทยมีความมุ่งมั่นและมีความพร้อมที่จะผลักดันเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งเป็นแนวทางในการสร้างมูลค่าทางธุรกิจและการสร้างความสมดุลทางสังคมที่ยั่งยืน โดยเฉพาะในมิติของการสร้างประโยชน์ให้กับวัสดุจากของเหลือใช้เพื่อให้นำกลับมาใช้ได้ใหม่ด้วยกระบวนการทางนวัตกรรม โดยในอนาคตไปรษณีย์ไทย ยังจะนำจุดแข็งในด้านการมีเครือข่าย และการมีพันธมิตรจากหลากหลายภาคส่วนร่วมมือกันยกระดับสิ่งของเหลือใช้ให้กลับมามีคุณค่าอีกครั้ง อีกทั้งยังตั้งเป้าที่จะเป็นผู้นำการลดขยะจากอีคอมเมิร์ซที่กำลังเติบโตอย่างไร้ขีดจำกัดผ่านแนวทางที่เป็นรูปธรรมตามแนวคิด 3R คือการลดใช้ (Reduce) การใช้ซ้ำ (Reuse) และการนำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle)” ดร.ดนันท์ กล่าวสรุป
ทั้งนี้ ประชาชนที่สนใจเป็นส่วนหนึ่งของโครงการไปรษณีย์ reBOX ยังคงสามารถนำกล่องพัสดุ ละซองกระดาษเหลือใช้ทุกประเภท มาบริจาคได้ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศ รวมทั้งจุดรับรวบรวมอื่นๆ เช่น กองบัญชาการกองทัพไทย กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (สำนักงานใหญ่) ได้ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2564