นายนิรันดร์ ยิ่งมหิศรานนท์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ชี้แจงเมื่อวันที่ 2 ต.ค. 2564 ที่ผ่านมา กรณีสื่อสังคมออนไลน์มีการเผยแพร่ข้อมูลว่า ประเทศไทยแพ้คดีปิดเหมืองทอง สูญเงินไทยเบ็ดเสร็จราว 70,000 ล้านบาทนั้น เป็นข้อมูลเท็จที่มีการเผยแพร่ซ้ำมาอย่างต่อเนื่องเป็นกระบวนการ ขอย้ำว่าการระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศไทยกับบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ด ประเทศออสเตรเลีย ผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ผู้ถือประทานบัตรเหมืองแร่ทองคำ จ.พิจิตร และ จ.เพชรบูรณ์ ขณะนี้ยังคงอยู่ในระหว่างกระบวนการอนุญาโตตุลาการ และยังไม่มีการออกคำตัดสินชี้ขาดใดๆ พร้อมทั้งคู่พิพาททั้ง 2 ฝ่ายอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อหาข้อยุติร่วมกัน ซึ่งเป็นกระบวนการปกติที่ดำเนินการคู่ขนานไปกับกระบวนการอนุญาโตตุลาการ
“ที่ผ่านมาในสื่อสังคมออนไลน์มีการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ และข่าวลือที่ไม่เป็นความจริงเกี่ยวกับข้อพิพาทระหว่างประเทศไทยกับบริษัท คิงส์เกตฯ วนซ้ำหลายครั้งอย่างต่อเนื่อง สันนิษฐานได้ว่าเป็นกระบวนการที่จงใจจะปล่อยข่าวเท็จเพื่อสร้างความสับสนแก่สาธารณชน จึงขอความร่วมมือประชาชนหรือผู้ที่สนใจ ติดตามความคืบหน้าการระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศไทยกับบริษัท คิงส์เกตฯ จากช่องทางการสื่อสารของกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ที่ www.dpim.go.th รวมทั้งหากพบเจอข้อมูลอันเป็นเท็จดังกล่าว ขออย่าเชื่อและอย่าส่งต่อ เพื่อไม่กลายเป็นส่วนหนึ่งในการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ”
ทั้งนี้ รัฐบาลไทยโดยคณะกรรมการดำเนินการระงับข้อพิพาทระหว่างราชอาณาจักรไทยกับบริษัท คิงส์เกตฯ ได้ทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายและที่ปรึกษากฎหมายที่มีความเชี่ยวชาญในระดับสากล ในการดำเนินการต่อสู้ในชั้นอนุญาโตตุลาการอย่างรอบคอบ รัดกุม และเป็นเอกภาพ สำหรับแนวทางการเจรจายึดถือประโยชน์สูงสุดของประเทศเป็นหลัก ภายใต้กรอบของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงดุลยภาพทางเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และเป็นธรรมต่อประชาชน ชุมชนในพื้นที่ และผู้ประกอบการ.