นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวถึงภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยต่อวันรอบ 8 เดือนของปี 2564 (มกราคม-สิงหาคม) ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 4.4 โดยสาเหตุสำคัญมาจากการใช้น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) ที่ลดลงร้อยละ 48.1 และการใช้กลุ่มเบนซินที่ลดลงร้อยละ 7.3
สำหรับการใช้กลุ่มดีเซลลดลงร้อยละ 4.9 น้ำมันเตาเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.3 น้ำมันก๊าดเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.1 LPG เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.8 และ NGV ลดลงร้อยละ 18.2 การใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินเดือนมกราคม-สิงหาคม 2564 เฉลี่ยอยู่ที่ 28.53 ล้านลิตร/วัน ลดลงจากช่วงเดียวกัน ของปีก่อน (ลดลง ร้อยละ 7.3) เมื่อพิจารณาปริมาณการใช้กลุ่มแก๊สโซฮอล์ พบว่า ลดลงมาอยู่ที่ 27.86 ล้านลิตร/วัน (ลดลง ร้อยละ 7.0)
อย่างไรก็ตาม การใช้แก๊สโซฮอล์ 95 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 14.61 ล้านลิตร/วัน (เพิ่มขึ้น ร้อยละ 0.3) ในขณะที่การใช้ แก๊สโซฮอล์ 91 แก๊สโซฮอล์ อี20 แก๊สโซฮอล์ อี85 ลดลงมาอยู่ที่ 6.86 ล้านลิตร/วัน 5.66 ล้านลิตร/วัน และ 0.72 ล้านลิตร/วัน ตามลำดับ สำหรับการใช้น้ำมันเบนซินลดลงมาอยู่ที่ 0.67 ล้านลิตร/วัน ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาการใช้กลุ่มเบนซินเฉพาะเดือนสิงหาคม 2564 พบว่า การใช้ลดลงมาอยู่ที่ 24.52 ล้านลิตร/วัน เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า (เดือนกรกฎาคม 2564 อยู่ที่ 25.55 ล้านลิตร/วัน) (ลดลง ร้อยละ 4.1) โดยเป็นการลดลงของทุกชนิดน้ำมัน เนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่มีความรุนแรง โดยจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในช่วงต้นเดือนอยู่ที่ 19,000 – 23,000 ราย/วัน และจำนวนผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 180 – 240 ราย/วัน ส่งผลให้ภาครัฐต้องยกระดับมาตรการควบคุม โดยกำหนดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดเพิ่มจาก 13 จังหวัด เป็น 29 จังหวัด (มีผล 3 สิงหาคม 2564)
การใช้น้ำมันกลุ่มดีเซลเดือนมกราคม-สิงหาคม 2564 เฉลี่ยอยู่ที่ 61.95 ล้านลิตร/วัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (ลดลง ร้อยละ 4.9) สำหรับน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี7 การใช้ลดลงมาอยู่ที่ 35.92 ล้านลิตร/วัน (ลดลง ร้อยละ 20.8) น้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา ซึ่งเริ่มจำหน่ายตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม 2562 มีปริมาณการใช้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 22.87 ล้านลิตร/วัน และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี20 มีปริมาณการใช้ 1.06 ล้านลิตร/วัน การใช้น้ำมันกลุ่มดีเซลเฉพาะเดือนสิงหาคม 2564 อยู่ที่ 53.27 ล้านลิตร/วัน ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม 2563 (ลดลง ร้อยละ 15.6) เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ประกอบกับกรมการขนส่งทางบกยังคงมาตรการจำกัดการให้บริการ รถโดยสารสาธารณะและการขนส่งสินค้า โดยงดให้บริการเดินรถโดยสารประจำทางเข้า-ออก พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (มีผล 3 - 31 สิงหาคม 2564) การใช้น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เฉลี่ยอยู่ที่ 4.35 ล้านลิตร/วัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (ลดลง ร้อยละ 48.1) เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 จึงมีการประกาศห้ามสายการบินรับ-ส่ง ผู้โดยสารในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ยกเว้นคาร์โก้เที่ยวบินกึ่งพาณิชย์ระหว่างประเทศและเที่ยวบินนำร่องเปิดประเทศหรือแซนด์บอกซ์ ถึง 31 สิงหาคม 2564
อย่างไรก็ตาม การประกาศคลาย Lockdown ตั้งแต่ 1 กันยายน 2564 จะส่งผลให้การใช้น้ำมัน Jet A1 มีทิศทางเพิ่มขึ้น การใช้ LPG เฉลี่ยอยู่ที่ 16.51 ล้านกก./วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (เพิ่มขึ้น ร้อยละ 9.8) เนื่องจาก การใช้ในภาคปิโตรเคมีที่สูงขึ้นมาอยู่ที่ 7.42 ล้านกก./วัน (เพิ่มขึ้น ร้อยละ 25.0) และการใช้ในภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.82 ล้านกก./วัน (เพิ่มขึ้น ร้อยละ 12.8) สำหรับภาคครัวเรือนมีการใช้อยู่ที่ 5.58 ล้านกก./วัน (เพิ่มขึ้น ร้อยละ 2.5) อย่างไรก็ตาม การใช้ในภาคขนส่งลดลงมาอยู่ที่ 1.69 ล้านกก./วัน (ลดลง ร้อยละ 17.3) การใช้ NGV เฉลี่ยอยู่ที่ 3.14 ล้านกก./วัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (ลดลง ร้อยละ 18.2) โดยเป็นผลจาก การแพร่ระบาดของ COVID-19 ประกอบกับจำนวนสถานีบริการและรถ NGV ที่ลดลง การนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงเดือนมกราคม-สิงหาคม 2564 เฉลี่ยอยู่ที่ 904,830 บาร์เรล/วัน ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (ลดลง ร้อยละ 0.1) โดยการนำเข้าน้ำมันดิบอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 868,161 บาร์เรล/วัน (ลดลง ร้อยละ 0.1) อย่างไรก็ตาม มูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 55,483 ล้านบาท/เดือน (เพิ่มขึ้น ร้อยละ 42.2) สำหรับการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูป (น้ำมันเบนซินพื้นฐาน น้ำมันดีเซลพื้นฐาน น้ำมันเตา น้ำมันอากาศยาน และ LPG) เพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 36,669 บาร์เรล/วัน (เพิ่มขึ้น ร้อยละ 0.1) คิดเป็นมูลค่าการนำเข้า 2,284 ล้านบาท/เดือน (เพิ่มขึ้น ร้อยละ 40.5) มูลค่าการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นผลจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน การส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปเดือนมกราคม-สิงหาคม 2564 เป็นการส่งออกน้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล ไบโอดีเซล น้ำมันเตา น้ำมันอากาศยาน น้ำมันก๊าด และ LPG โดยปริมาณส่งออกลดลงมาอยู่ที่ 193,849 บาร์เรล/วัน (ลดลง ร้อยละ 1.9) คิดเป็นมูลค่าส่งออกรวม 13,093 ล้านบาท/เดือน (เพิ่มขึ้น ร้อยละ 49.3)