จากนั้น ตรวจเยี่ยมการดำเนินการโครงการพลังงานทดแทน ศูนย์การเรียนรู้ต้นแบบโคก หนอง นา และพบปะเครือข่ายโคก หนอง นา ของวัดป่าศรีแสงธรรม และจิตอาสาพัฒนาชุมชน พร้อมร่วมกิจกรรมปลูกป่าเพอร์มาคัลเจอร์ ทำหลุม ปลูกป่า ห่มดิน ให้ปุ๋ยแห้ง ปุ๋ยน้ำ อีกทั้ง ยังได้เยี่ยมชมฐานการเรียนรู้ “คนติดดิน” การสร้างบ้านดินด้วยเทคนิคเอิร์ธแบก” และฐานการเรียนรู้ “คนมีไฟ ระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ควบคุมระบบการเปิด-ปิด ด้วยระบบ IOT เพื่อรดน้ำต้นไม้เป็นสมาร์ทฟาร์มในโคก หนอง นา”
นอกจากนี้ ยังมีโครงการพระราชทาน โคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวัง โดยจะทำการปลูกต้นไม้รอบศาลาพระราชทาน และเยี่ยมชมแปลงนา กล้าต้นเดียว ฐานคนรักษ์แม่โพสพอีกด้วย
ต่อจากนั้น เวลา 12.00 น. นายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางออกจากวัดป่าศรีแสงธรรม โดยเฮลิคอปเตอร์ไปยังเขื่อนสิรินธร อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อตรวจเยี่ยมการบริหารจัดการน้ำของจังหวัดอุบลราชธานี และการใช้พลังงานหมุนเวียนในการผลิตไฟฟ้า โดยใช้นวัตกรรม “โซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดกับพลังน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก” พร้อมรับฟังรายงานการบริหารจัดการน้ำของจังหวัดอุบลราชธานี ก่อนเดินทางไปตรวจเยี่ยมการบรรเทาสาธารณภัยและการฟื้นฟูผู้ประสบภัยในพื้นที่ จังหวัดอุบลราชธานี ณ ศาลาประชาวาริน พร้อมเยี่ยมให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพให้แก่ผู้ประสบภัย จำนวน 78 ครัวเรือน ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ
“นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ทุกครั้งเพื่อดูแลความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเป็นหลัก รวมทั้งจะได้ติดตามทั้งการต้องรับมือกับทั้งสถานการณ์โควิด -19 และสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ขณะนี้ ที่ผ่านมาได้มีการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องไปแล้วทั้งหมด 8 จังหวัด อาทิ จังหวัดสมุทรปราการ ชลบุรี เพชรบุรี ชัยนาท สุโขทัย ชัยภูมิ นนทบุรี นครศรีธรรมราช และในวันพรุ่งนี้ (15 ต.ค. 64) จะนำคณะเดินทางลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งจะเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อนคมปาซุ เพื่อติดตามเตรียมแผนป้องกันและมาตรการต่าง ๆ สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดจันทบุรี นายกรัฐมนตรีกำชับให้ส่วนราชการในพื้นที่เร่งให้ความช่วยเหลือ อพยพประชาชนในพื้นที่ โดยหากขาดเหลือสิ่งใดให้ทางจังหวัดประสานแจ้งส่วนกลางเข้ามาทันที” นายธนกร กล่าว