กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้รายงานสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศวันนี้ (18 ต.ค.64) ว่า ร่องมรสุมพาดผ่านภาคตะวันออกและภาคใต้ตอนบนเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศกัมพูชา ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ขณะที่บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ในภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ แล้วช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกหนักถึงหนักมาก บริเวณ จ.แพร่ 65 มิลลิเมตร // อุบลราชธานี 80 มิลลิเมตร // กรุงเทพมหานคร 111 มิลลิเมตร // กาญจนบุรี 126 มิลลิเมตร // ชลบุรี 99 มิลลิเมตร และนครศรีธรรมราช 73 มิลลิเมตร โดยแม่น้ำสายหลักทั่วประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ภาพรวมปริมาณน้ำทั้งประเทศ 58,314 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 71 และแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 51,320 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 72 จุดเฝ้าระวังน้ำน้อยยังคงอยู่ในพื้นที่ 5 แห่ง เฝ้าระวังน้ำมาก 17 แห่ง บริเวณเขื่อนนฤบดินทรจินดา เขื่อนลำพระเพลิง เขื่อนแม่มอก เขื่อนลำตะคอง อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล เขื่อนจุฬาภรณ์ เขื่อนแก่งกระจาน เขื่อนลำนางรอง เขื่อนทับเสลา เขื่อนขุนด่านปราการชล อ่างเก็บน้ำบึงบอระเพ็ด เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เขื่อนอุบลรัตน์ เขื่อนกระเสียว เขื่อนมูลบน และบึงหนองหารกุมภวาปี
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ยังได้คาดการณ์พื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก-ดินถล่มต้องเฝ้าระวังช่วง 1 - 2 วันนี้บริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง น่าน อุตรดิตถ์ ตาก เพชรบูรณ์ พิษณุโลก อุทัยธานี ชัยภูมิ นครราชสีมา กาญจนบุรี ลพบุรี ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี ตราด เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และยะลา
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้เร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ปัญหาน้ำท่วมขังเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว อย่างเขื่อนกระเสียว จ.สุพรรณบุรี ที่เกิดฝนตกหนักจากร่องมรสุมพาดผ่านมีปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนกระเสียว จนเกินความจุล้นข้ามทางระบายน้ำล้นรวมมีปริมาณน้ำไหลลงแม่น้ำท่าจีน 150 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ด้วยการแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงเร่งระบายน้ำในลำน้ำต่างๆก่อนที่ปริมาณน้ำหลากจากเขื่อนกระเสียวจะไหลมาสมทบ รวมทั้ง ให้ตรวจสอบแนวคันกั้นน้ำไม่ให้เกิดการพังทลาย ส่งผลให้น้ำหลากเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรและชุมชนได้ แล้วยังให้พิจารณาใช้ฝายยางยกระดับเพื่อตัดยอดน้ำสูงสุดไม่ให้น้ำไหลหลากกระทบพื้นที่ด้านท้ายอ่างเก็บน้ำขยายเป็นวงกว้าง พร้อมทั้งติดตามสถานการณ์อุทกภัยจากอิทธิพลของพายุดีเปรสชัน “คมปาซุ” ที่อ่อนกําลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ ประกอบกับร่องมรสุมและมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กําลังแรงช่วงวันที่ 15 - 17 ตุลาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดอุทกภัยในพื้นที่ 5 จังหวัด คือ เพชรบูรณ์ ชัยภูมิ ลพบุรี ปราจีนบุรี และนครนายก รวม 7 อำเภอ 22 ตำบล 59 หมู่บ้าน มีประชาชนได้รับผลกระทบ 2,698 ครัวเรือน โดยยังคงมีพื้นที่ 3 จังหวัด 5 อำเภอ 14 ตำบล 109 หมู่บ้าน 1,848 ครัวเรือนเกิดน้ำท่วมขัง จึงได้เร่งดำเนินการบริหารจัดการน้ำให้เข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็ว เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนและสำรวจให้ความช่วยเหลือ เพื่อฟื้นฟูเยียวยาผู้ประสบภัยต่อไป