นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า การฉีดวัคซีน เป็นอีกเครื่องมือสำคัญที่ช่วยในการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาด ซึ่งกรมควบคุมโรคพร้อมให้การสนับสนุนการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ในกลุ่มนักเรียน ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ขึ้นทะเบียน และอนุมัติให้ใช้วัคซีนไฟเซอร์ในเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปได้ โดยกำหนดให้บริการฉีดวัคซีนผ่านสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ ได้แก่ โรงเรียนมัธยมศึกษาสังกัดรัฐบาลและเอกชน สถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน โรงเรียนพระปริยัติธรรม สถาบันการศึกษาปอเนาะ เป็นต้น
จากข้อมูลการสำรวจของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศในวันที่ 14 ตุลาคม 2564 มีนักเรียนแสดงความประสงค์ต้องการฉีดวัคซีน จำนวน 4.07 ล้านคน กรมควบคุมโรคได้ส่งมอบวัคซีนไฟเซอร์สำหรับฉีดเข็มที่ 1 ในนักเรียน นักศึกษาที่มีอายุ 12-17 ปี ให้กับสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ ครบตามแผนการจัดสรร รวมถึงสนับสนุนวัคซีนให้กับประชาชนในพื้นที่ระบาดจังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 3 ลอต รวม 4.5 ล้านโดส โดยลอตที่ 1 จำนวน 1.9 ล้านโดส (ส่งถึงพื้นที่แล้ว) ลอตที่ 2 จำนวน 1.5 ล้านโดส (ส่งถึงพื้นที่แล้ว) และลอตที่ 3 จำนวน 1.1 ล้านโดส (อยู่ระหว่างการจัดส่ง)
นายแพทย์โอภาส กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอให้สถานศึกษาและโรงพยาบาลที่จะนัดนักเรียนมาฉีดวัคซีน ให้กำหนดวันนัดหลังจากที่จุดบริการฉีดได้รับวัคซีนแล้ว เพื่อป้องการคลาดเคลื่อน ทั้งนี้ การฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ให้กับนักเรียนทั่วประเทศนั้น กระทรวงสาธารณสุขจะเร่งดำเนินการในระยะต่อไป โดยจะฉีดห่างจากเข็มแรกประมาณ 3-4 สัปดาห์ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนทุกคนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันส่วนบุคคลขั้นสูงสุดแบบครอบจักรวาลควบคู่กันไปด้วย เช่น ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือ เว้นระยะห่าง เป็นต้น จะส่งผลให้การป้องกันควบคุมโรคเกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุด