นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กบร. เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2564 สั่งการให้ทุกหน่วยเฝ้าจับตาและเตรียมมาตรการรองรับในกรณีที่เกิดน้ำท่วมซึ่งอาจส่งผลกระทบกับสนามบินหรือการเดินทางเข้าออกสนามบินของผู้โดยสาร
นอกจากนั้น ยังให้ระมัดระวังและเพิ่มมาตรการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์โดยเฉพาะแรนซัมแวร์ (Ransomware) ที่เจาะเข้ามาล็อคไฟล์ไม่ให้ใช้ได้ แล้วเรียกค่าไถ่จากเจ้าของข้อมูลเพื่อแลกกับรหัสผ่านในการปลดล็อค โดยให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) ประสาน กรมท่าอากาศยาน (ทย.) บมจ.ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) บจ. วิทยุการบินแห่งประเทศไทย (บวท.) และสายการบินต่าง ๆ ตรวจสอบและเพิ่มมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบ โดยเฉพาะในช่วงที่การบินกำลังกลับมาเพิ่มขึ้นในฤดูท่องเที่ยวตามแผนการเปิดประเทศรอบล่าสุดของรัฐบาล
นอกจากนั้น กบร. ยังได้มีมติให้ขยายมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการสายการบินต่อไปอีก 1 ไตรมาส เพื่อเพิ่มสภาพคล่องด้านการเงินให้กับผู้ประกอบการเตรียมความพร้อมในการเปิดประเทศระยะที่ 2 ซึ่งเดิม กบร. ได้เห็นชอบการบรรเทาผลกระทบของสายการบินอย่างต่อเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID – 19 ครอบคลุมจนถึงไตรมาสที่ 3/2564 และมีการพิจารณานโยบายความช่วยเหลือเป็นรายไตรมาสเพื่อประเมินสถานการณ์เป็นระยะ
แต่การแพร่ระบาดหนักในระลอกใหม่ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2564 ทำให้ผู้โดยสารในไตรมาสที่ 3/2564 ลดลงอย่างมากและสายการบินขอตารางเวลาบินเพียงประมาณ 39 %ของขีดความสามารถที่สนามบินรองรับได้ ทำให้สายการบินยังได้รับผลกระทบอย่างหนัก
ล่าสุดสำหรับไตรมาสที่ 4/2564 ที่ประชุม กบร. จึงมีมติให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องขยายมาตรการช่วยเหลือสายการบินอีก 1 ไตรมาส เพื่อเป็นการฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของไทย และสอดคล้องกับนโยบายเปิดประเทศของรัฐบาลในระยะที่ 2 โดยมีนโยบายการช่วยเหลือ ดังนี้
1. ให้ CAAT ขยายระยะเวลาชำระหนี้ (Credit Term) และยกเว้นเงินเพิ่ม (ค่าปรับ) ให้กับสายการบินที่นำส่งค่าธรรมเนียมการเข้าหรือออกประเทศล่าช้า ในไตรมาสที่ 4 ซึ่งอยู่ในระหว่างเสนอเรื่องต่อที่ประชุมคณะกรรมการกำกับสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย
2. ให้ ทอท. ดำเนินมาตรการปรับลดค่าบริการสนามบิน (Landing and Parking Charges) ลง 50% สำหรับเที่ยวบินภายในประเทศและเที่ยวบินระหว่างประเทศ และยกเว้นการจัดเก็บค่าบริการที่เก็บอากาศยาน (Parking Charge) ให้แก่สายการบินที่ทำการหยุดให้บริการชั่วคราวในไตรมาสที่ 4
และ ทอท. มีมาตรการที่จะเลื่อนกำหนดชำระค่าบริการสนามบินและค่าเครื่องอำนวยความสะดวก (Aircraft Service Charge) สำหรับงวดชำระเดือนเมษายน 2564 ถึงเดือนธันวาคม 2564 ออกไปงวดละ 9 เดือน และให้ผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 12 งวดชำระ
3. ทย. ช่วยเหลือผู้ประกอบการโดยขยายระยะเวลาการปรับลดอัตราค่าเช่าสำหรับทุกกิจกรรมในอัตราค่าเช่าไม่ต่ำกว่าที่กรมธนารักษ์กำหนดเป็นระยะเวลา 6 เดือน (ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 – 31 มีนาคม 2565)
นอกจากนี้ ที่ประชุม กบร. ยังเห็นขอบเห็นชอบแผนการดำเนินการตามนโยบายการรักษาความปลอดภัยการบินพลเรือนแห่งชาติ ที่ CAAT เสนอ ตามประกาศคณะกรรมการการบินพลเรือนเรื่องนโยบายการรักษาความปลอดภัยการบินพลเรือนแห่งชาติ เพื่อส่งเสริมการรักษาความปลอดภัยการบินพลเรือนให้มีประสิทธิภาพและเป็นไปตามมาตรฐานสากล
สำหรับประเด็นนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2564 คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบนโยบายการรักษาความปลอดภัยการบินพลเรือนแห่งชาติ ตามที่ กบร.เสนอ และวันที่ 14 กันยายน 2564 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้ลงนามในประกาศคณะกรรมการการบินพลเรือนแห่งชาติ เรื่อง นโยบายการรักษาความปลอดภัยการบินพลเรือนแห่งชาติ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2564 เป็นต้นมา
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในฐานะประธาน กบร. จึงมีมติให้ CAAT ดำเนินการตามประกาศดังกล่าว โดยให้จัดทำแผนการดำเนินการตามนโยบายการรักษาความปลอดภัยการบินพลเรือนแห่งชาติและให้นำเสนอ กบร. ซึ่งในที่ประชุมครั้งนี้ CAAT ได้เสนอแผนดังกล่าวโดยมีกรอบการจัดทำแผนรวม 8 ด้าน คือ
1.กรอบการจัดทำกฎหมาย
2.การกำหนดมาตรฐาน
3.การบังคับใช้กฎหมาย
4.การประสานงาน
5.การรับฟังความคิดเห็น
6.การจัดสรรทรัพยากร
7.การสร้างความตระหนัก และการส่งเสริมบุคลากร
โดยมุ่งหวังให้การดำเนินงานในด้านต่าง ๆ ตามแผนฯ จะช่วยยกระดับมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยการบินพลเรือนของไทยให้ดียิ่งขึ้นไป ซึ่งจะส่งผลให้ประชาคมระหว่างประเทศเชื่อมั่นในการขนส่งทางอากาศของไทยและมีมาตรฐานระดับสากล สอดรับกับมาตรฐานขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ